คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เงินบำเหน็จที่จะตกได้แก่บรรดาทายาทผู้มีสิทธิของผู้ตาย ตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญ พ.ศ.2494 นั้น มิใช่มรดกของผู้ตาย
การที่จำเลยแจ้งให้กรมการเงินกระทรวงกลาโหมหักเงินบำเหน็จตกทอดของผู้ตายเพื่อใช้หนี้จำเลยนั้น เป็นการมอบหมายให้เป็นตัวแทนในการเจรจาตกลงกับทายาทผู้ตาย
การที่มารดาโจทก์ไปตกลงให้หักเงินบำเหน็จตกทอดของผู้ตายที่จะได้แก่โจทก์บางส่วนชำระหนี้แก่จำเลยนั้น เป็นการทำนิติกรรมอย่างหนึ่งที่ได้กระทำไปแทนโจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ และเป็นผลให้โจทก์ต้องชำระหนี้เมื่อมารดาโจทก์ไม่ได้รับอนุญาตจากศาลจึงเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574(13) ข้อตกลงดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะจำเลยไม่มีมูลที่จะอ้างเพื่อการชำระหนี้จากโจทก์ได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 21,313 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ตามคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์เป็นผู้เยาว์และเป็นบุตรของพลตรี จักรชัย ศุภางคเสน บิดาโจทก์ถึงแก่กรรมไปเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม2521 มีเงินบำเหน็จตกทอดซึ่งโจทก์ในฐานะทายาทกับผู้มีสิทธิอื่นพึงได้รับเป็นจำนวนเงินคนละ 71,475 บาท ก่อนบิดาโจทก์ถึงแก่กรรมได้เป็นลูกหนี้จำเลยจำนวนเงิน 63,940 บาท หลังจากบิดาโจทก์ถึงแก่กรรม จำเลยได้แจ้งต่อกรมการเงิน กระทรวงกลาโหม ให้หักเงินบำเหน็จตกทอดดังกล่าวส่งไปชำระหนี้ ซึ่งกรมการเงินกระทรวงกลาโหมก็ได้หักเงินบำเหน็จของบิดาโจทก์ที่ตกทอดแก่โจทก์บางส่วนจำนวนเงิน 21,313 บาท รวมส่งไปชำระหนี้ให้ โดยนางแสงระวี ปาลกะวงศ์ มารดาโจทก์ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแทนโจทก์ได้ให้ความยินยอมต่อกรมการเงิน กระทรวงกลาโหมเพื่อการส่งเงินส่วนของโจทก์จำนวนดังกล่าวชำระหนี้แทนโจทก์

ตามฎีกาของจำเลยมีปัญหาในชั้นนี้เพียงว่า จำเลยจะต้องคืนเงินแก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า เงินบำเหน็จตกทอดมิใช่มรดกของผู้ตายเป็นเงินที่จะตกได้แก่โจทก์และบรรดาทายาทผู้มีสิทธิของผู้ตาย อันจะพึงได้รับตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญ พ.ศ. 2494 จำเลยเองก็ทราบถึงสิทธิของโจทก์และบรรดาทายาทของพลตรีจักรชัย ศุภางคเสน เจ้าของบำเหน็จตกทอด ซึ่งมีสิทธิที่จะได้รับต่อกรมการเงิน กระทรวงกลาโหมในเรื่องนี้ดี ดังจะเห็นได้จากคำให้การของจำเลยว่า กรมการเงินจะหักเงินบำเหน็จตกทอดได้ต้องได้รับความยินยอมจากทายาทผู้มีสิทธิเสียก่อนดังนี้การที่จำเลยแจ้งให้กรมการเงิน กระทรวงกลาโหม หักเงินบำเหน็จตกทอดของพลตรีจักรชัย ศุภางคเสน เพื่อใช้หนี้ จึงเท่ากับเป็นการมอบหมายให้เป็นตัวแทนเพื่อการเจรจาตกลงกับโจทก์และบรรดาทายาท เพื่อการหักเงินบำเหน็จตกทอดส่วนที่บุคคลเหล่านั้นพึงได้รับส่งไปชำระหนี้แทนผู้ตาย การที่มารดาโจทก์ไปตกลงให้ความยินยอมต่อกรมการเงินกระทรวงกลาโหม เพื่อให้หักเงินบำเหน็จตกทอดของพลตรีจักรชัย ศุภางคเสนที่จะได้แก่โจทก์บางส่วนส่งไปชำระหนี้แก่จำเลยดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการทำนิติกรรมอย่างหนึ่งของมารดาโจทก์ที่ได้กระทำแทนโจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์โดยตรงอันเป็นผลทำให้โจทก์ผู้เยาว์ต้องชำระหนี้ ซึ่งมารดาโจทก์ผู้ใช้อำนาจปกครองจะกระทำมิได้ในเมื่อมิได้รับอนุญาตจากศาล การกระทำของมารดาโจทก์จึงขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574(13)ข้อตกลงให้ความยินยอมของมารดาโจทก์ต่อกรมการเงิน กระทรวงกลาโหมผู้ที่รับมอบหมายเพื่อการนี้จากจำเลย ย่อมตกเป็นโมฆะ จำเลยหามีสิทธิที่จะรับเงินส่วนนี้ของโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ จำเลยไม่มีมูลอันจะอ้างเพื่อการรับชำระหนี้จากโจทก์ได้โดยชอบ”

พิพากษายืน ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share