คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 954/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2511มิใช่ความผิดอันยอมความได้ และเป็นความผิดอีกข้อหาหนึ่งต่างหากจากความผิดฐานฉ้อโกงจะยกฟ้องข้อหาความผิดดังกล่าวด้วยเหตุขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96 เช่นเดียวกับความผิดฐานฉ้อโกงไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ. 2511 มาตรา 4, 7, 27 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา341, 343, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 กับให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ.2511 มาตรา 7, 27 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 343, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 ข้อหาจัดหางานโดยรับค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตลงโทษจำคุก 1 เดือนข้อหาฉ้อโกงประชาชนลงโทษจำคุก 3 ปีรวมเป็นโทษจำคุก 3 ปี 1 เดือนให้คืนเงินแก่ผู้เสียหายทั้งหกคนละ 20,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่าผู้เสียหายแต่ละคนได้รับการติดต่อให้ไปทำงานในประเทศมาเลเซียต่างกรรมต่างวาระกันโดยเสียค่าบริการคนละ 20,000 บาทเมื่อไปแล้วไม่มีงานให้ทำ แต่โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าขณะที่จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายแต่ละคนต่างกรรมต่างวาระกันนั้นจำเลยได้หลอกลวงบุคคลอื่นการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเฉพาะแก่ผู้เสียหายเพียงคนเดียวแต่ละกรรมการหลอกลวงของจำเลยไม่เป็นการหลอกลวงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 หากแต่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 หลายกรรมต่างกันตามมาตรา 91 ผู้เสียหายทราบจากชาวมาเลเซียว่าบริษัทไม่มีงานให้ทำและทราบว่าจำเลยหลอกลวงตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2526วันที่ 1 เมษายน 2527 จึงพากันไปแจ้งความให้ดำเนินคดีแก่จำเลยซึ่งเป็นการร้องทุกข์เกิน 3 เดือนนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำผิดแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96 ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ในข้ออื่นของจำเลยต่อไปเพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดีพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์คงติดใจฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ.2511 เท่านั้นโจทก์ฎีกาว่าข้อหาในความผิดตามที่กล่าวข้างต้นนั้นจำเลยกระทำเมื่อเดือนกรกฎาคม 2526 โจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน2527 ยังไม่พ้นกำหนดหนึ่งปี คดีโจทก์ในข้อหาดังกล่าวยังไม่ขาดอายุความพิเคราะห์แล้วพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ.2511 มิได้บัญญัติว่าความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นความผิดอันยอมความได้และมาตรา 27 อันเป็นบทกำหนดโทษได้บัญญัติให้ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับโทษดังกล่าวนั้นประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95 (5)บัญญัติให้มีอายุความหนึ่งปีนับแต่วันกระทำความผิดโจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2526 โจทก์ได้ฟ้องและได้ตัวจำเลยมายังศาลเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2527 จึงหาพ้นกำหนดหนึ่งปีไม่ฟ้องโจทก์สำหรับข้อหานี้จึงไม่ขาดอายุความชอบที่ศาลอุทธรณ์จะพิจารณาต่อไป แต่ศาลอุทธรณ์หาได้วินิจฉัยไว้เป็นประการใดไม่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องข้อหานี้ทันทีโดยอาศัยอายุความของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 อันเป็นข้อหาอีกข้อหาหนึ่งต่างหากจากกันจึงเป็นการวินิจฉัยที่คลาดเคลื่อนโดยที่โทษจำคุกสูงสุดตามกฎหมายมีเพียงหนึ่งเดือนซึ่งคู่ความอาจถูกห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 และ 219 จึงเป็นการสมควรที่จะให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเสียชั้นหนึ่งก่อน ศาลฎีกาเห็นไม่สมควรที่จะวินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดีเสียเองในชั้นนี้
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะข้อหาตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ.2511 ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

Share