คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 953/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยซึ่งเป็นทายาทครอบครองที่ดินพิพาทนับแต่วันที่เจ้ามรดกตายเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี แล้วจึงยื่นคำร้องขอจัดการมรดกที่ดินพิพาท ต่อมาศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกแสดงว่าจำเลยยอมรับว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดก การที่จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทดังกล่าว ถือได้ว่าครอบครองแทนทายาทอื่นด้วยจำเลยจะยกอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754วรรคท้าย มาต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นทายาทโดยพินัยกรรมของเจ้ามรดกหาได้ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยและบิดาโจทก์เป็นบุตรนายอ้วน ประทินเมื่อบิดาโจทก์ถึงแก่ความตาย นายอ้วนก็อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ตลอดมา นายอ้วนเป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) เลขที่ 277 ตำบลขามป้อม อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม เนื้อที่ 38 ไร่ 3 งาน 60 วา เมื่อนายอ้วนถึงแก่ความตาย โจทก์ได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวร่วมกับจำเลย ต่อมาพ.ศ. 2509 โจทก์แต่งงานและไปอยู่กับสามีที่จังหวัดกาญจนบุรี โจทก์จึงให้จำเลยครอบครองที่ดินแทน เมื่อ พ.ศ. 2531 จำเลยยื่นคำร้องและศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนายอ้วนจำเลยได้รับโอนที่ดินดังกล่าวเป็นของตน ต่อมาโจทก์สืบทราบว่านายอ้วนได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์แต่ผู้เดียวขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินมรดกตามพินัยกรรมให้แก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา กับห้ามจำเลยเกี่ยวข้องในที่ดินต่อไป
จำเลยให้การว่า จำเลยครอบครองที่ดินอย่างเป็นเจ้าของตลอดมาเมื่อได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกจึงรับโอนมาเป็นของจำเลยโจทก์ฟ้องคดีเกิน 10 ปี นับแต่เจ้ามรดกตาย คดีโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างการพิจารณาคู่ความแถลงรับกันว่า นายอ้วนถึงแก่ความตายเมื่อ พ.ศ. 2511 และนายอ้วนได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์จริง โจทก์และจำเลยต่างไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 277 ตำบลขามป้อม อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม เนื้อที่ 38 ไร่ 3 งาน 60 วาให้แก่โจทก์ โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียน หากไม่ปฏิบัติให้ถือคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่านายอ้วนเจ้ามรดกถึงแก่ความตายเมื่อปี พ.ศ. 2511 นายอ้วนได้ทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง ยกที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) เลขที่ 277 ตำบลขามป้อม อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม เนื้อที่ 38 ไร่ 3 งาน 60 วา ให้แก่โจทก์แต่ผู้เดียวจำเลยเป็นบุตรนายอ้วนเจ้ามรดกและได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกของนายอ้วนตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ลงวันที่ 25 เมษายน2531 หลังจากได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกแล้ว วันที่ 13พฤษภาคม 2531 จำเลยได้ไปขอจดทะเบียนรับมรดกที่ดินพิพาทแล้วโอนเป็นของตนเองในวันเดียวกัน ต่อมาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2531โจทก์ก็มาฟ้องคดีนี้ หลังจากนายอ้วนถึงแก่ความตายไปแล้วเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยซึ่งเป็นทายาทครอบครองที่ดินพิพาทนับแต่วันที่เจ้ามรดกตายเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี แล้วจึงยื่นคำร้องขอจัดการมรดกที่ดินพิพาท ต่อมาศาลตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกการที่จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทดังกล่าว ถือได้ว่าครอบครองแทนทายาทอื่นด้วย จำเลยจะยกอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1754 วรรคท้าย มาต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นทายาทโดยพินัยกรรมของเจ้ามรดกหาได้ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากจำเลยได้
พิพากษายืน

Share