แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เหตุขัดข้องที่ทำให้ไม่สามารถจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์กันได้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสอง เนื่องมาจากการ ค้าง ชำระค่าภาษีรถยนต์ประจำปี เมื่อตามสัญญาประนีประนอมยอมความกำหนดให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียม ค่าอากรแสตมป์ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อันเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ทั้งหมด ค่าภาษีรถยนต์ประจำปีที่ค้างชำระดังกล่าวจึงเป็นค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ตามที่ระบุในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งจำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดชอบ จำเลยทั้งสองจะถือเป็นเหตุไม่ชำระหนี้แก่โจทก์และขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดีหาได้ไม่.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์และจำเลยที่ 1 ที่ 2 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน มีสาระสำคัญดังนี้
ข้อ 1. จำเลยที่ 1 และที่ 2 ตกลงร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์2,050,000 บาท โดยผ่อนชำระเป็นรายเดือน เดือนละ 100,000 บาทหากผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งให้ถือว่าผิดนัดทุกงวด ยินยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที
ข้อ 2. โจทก์ตกลงจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์จำนวน 83 คันตามรายการยอดหนี้เอกสารหมายเลข 8 ท้ายฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสองหรือบุคคลที่จำเลยทั้งสองกำหนด และส่งมอบทะเบียนรถยนต์ให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน นับแต่วันทำสัญญา หากผิดนัดยินยอมให้จำเลยทั้งสองบังคับคดีได้ทันทีโดยให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของโจทก์ สำหรับค่าธรรมเนียม ค่าอากรแสตมป์และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อันเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด จำเลยทั้งสองตกลงเป็นผู้รับผิดชอบ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว
ต่อมาปรากฏว่า จำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระเงินให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 1 โจทก์ขอให้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์สินของจำเลยมาขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ออกหมายบังคับคดี และต่อมาจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่ให้ออกหมายบังคับคดี อ้างเหตุว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 2 กล่าวคือ โจทก์ไม่จดทะเบียนโอนรถยนต์ให้แก่จำเลยทั้งสอง ทั้งการเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของโจทก์ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ก็ไม่อาจทำได้ เนื่องจากนายทะเบียนไม่จดทะเบียนให้โดยอ้างว่าโจทก์ค้างชำระภาษีรถยนต์ประจำปีอยู่เช่นนี้ย่อมถือว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยจึงยังไม่มีหน้าที่ชำระเงินแก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 1 เพราะสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวเป็นสัญญาต่างตอบแทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า จำเลยทั้งสองไม่สามารถรับโอนทะเบียนรถยนต์ทั้ง 83 คัน จากโจทก์ได้ เนื่องจากโจทก์ยังค้างชำระค่าภาษีรถยนต์ประจำปีจำเลยทั้งสองมีสิทธิไม่ชำระเงินจำนวน 2,050,000 บาทให้แก่โจทก์ เพราะเหตุว่าสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสองในคดีนี้เป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งย่อมมีสิทธิที่จะไม่ปฏิบัติตามสัญญาได้นั้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า สัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 2 ระบุว่าโจทก์ตกลงจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ทั้ง 83 คัน ตามรายการยอดหนี้เอกสารหมายเลข 8 ท้ายฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสองหรือบุคคลที่จำเลยทั้งสองกำหนด และส่งมอบทะเบียนรถยนต์ให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน นับแต่วันทำสัญญา หากผิดนัดยอมให้จำเลยทั้งสองบังคับคดีได้ทันทีโดยให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของโจทก์ สำหรับค่าธรรมเนียม ค่าอากรแสตมป์ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆอันเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด จำเลยทั้งสองตกลงเป็นผู้รับผิดชอบข้อเท็จจริงได้ความตามที่โจทก์และจำเลยมิได้โต้เถียงกันว่า เหตุขัดข้องซึ่งทำให้ไม่สามารถจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ทั้ง 83 คันดังกล่าวข้างต้นเกิดจากการค้างชำระค่าภาษีรถยนต์ประจำปี ค่าภาษีรถยนต์ประจำปีที่ค้างชำระจึงเป็นค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 2ซึ่งกำหนดไว้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้รับผิดชอบ จำเลยทั้งสองจะถือเอาเป็นเหตุไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์โดยขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดีหาได้ไม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งสองชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.