คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งเพิกถอนหมายบังคับคดี คดีของจำเลยที่ 3 ในชั้นนี้จึงเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ซึ่งตาราง 6อัตราค่าทนายความท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งชั้นสูงในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกากำหนดไว้ไม่เกิน 1,500 บาท

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจาก ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยทั้งสามชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสามผิดนัดโจทก์จึงขอให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 2 และที่ 3 เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 มิได้ผิดนัดการชำระหนี้โจทก์ยังไม่มีสิทธิขอบังคับคดีและขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 ขอให้สั่งเพิกถอนหมายบังคับคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยที่ 3 อุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 3 ใช้ค่าเสียค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 2,000 บาท แทนโจทก์ จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยที่ 3 ฎีกาข้อต่อไปว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดค่าทนายความให้จำเลยที่ 3 ใช้แทนโจทก์สูงกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด เห็นว่า คดีนี้จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 3 และมีคำสั่งเพิกถอนหมายบังคับคดีคดีของจำเลยที่ 3 ในชั้นนี้จึงเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ซึ่งตาราง 6 อัตราค่าทนายความท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งชั้นสูงในศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกากำหนดไว้ไม่เกิน 1,500 บาท ศาลอุทธรณ์ภาค 1กำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท เกินอัตราขั้นสูงตามตารางดังกล่าว จึงเป็นการไม่ถูกต้อง ฎีกาจำเลยที่ 3 ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษายืน

Share