แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าหนี้ของจำเลยฟ้องจำเลยเรียกหนี้สินผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยนำใบมอบอำนาจมาขอทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลย แต่ใบมอบอำนาจนั้นเป็นเรื่องให้ทำคำของรับรองการทำประโยชน์และทำนิติกรรมขายที่ดินตาม ส.ค. 1 เลขที่ 607 แม้จะมีข้อความว่าให้มีอำนาจดำเนินคดีทางศาล เช่น ยอมความได้ด้วย ก็ตาม ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับที่ดินนั้น ดังนั้น ผู้รับมอบอำนาจจึงไม่มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความและพิพากษาตามยอมให้ ก็ไม่มีผลผูกพันจำเลย เมื่อจำเลยถูกศาลพิพากษาให้เป็นคนล้มละลาย เจ้าหนี้ของจำเลยนั้นจึงจะนำหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความาขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้ และจะอนุโลมเอามูลหนี้เดิมของเจ้าหนี้มาเป็นเหตุอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้ก็ไม่ได้ เพราะเจ้าหนี้มิได้ร้องขอรับชำระหนี้ก็ไม่ได้ เพราะเจ้าหนี้มิได้ร้องขอรับชำระหนี้โดยอาศัยมูลหนี้เดิม และมิได้มีการไต่สวนพยานหลักฐานเกี่ยวกับมูลหนี้เดิม และมิได้มีการไต่สวนพยานหลักฐานเกี่ยวกับมูลหนี้เดิมโดยเจ้าพนักงานพิทักษ์เสียก่อน
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2509
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลได้พิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย เจ้าหนี้ของจำเลยต่างก็ขอรับชำระหนี้ เฉพาะรายธนาคารมณฑล จำกัด ธนาคารนครหลวงไทยจำกัด นางพรรณี เบญจกุล และนางหั้ว เองฉ่วน ได้มีผู้คัดค้านและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไต่สวนแล้วทำความเห็นเสนอศาลว่า เจ้าพหนี้ทั้งสี่รายนี้สมยอมกับผู้รับมอบอำนาจของจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลผู้รับมอบอำนาจกระทำการไปโดยปราศจากอำนาจและทำนอกเหนืออำนาจที่ได้รับหนี้ตามคำพิพากษาเกิดจากการสมยอม จึงขอรับชำระหนี้ไม่ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา ๙๔ (๑) (๒)
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ทั้งสี่รายจริง แม้สัญญาประนีประนอมยอมความจะสมบูรณ์หรือไม่ก็ตาม หนี้เดิมก็มิได้เสียหรือหมดไป จึงอนุญาตให้ผู้ขอรับชำระหนี้ทั้งสี่รายมีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และโจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และโจทก์ฎีกา
ศาลฏีกาได้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่าก่อนที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดผู้ขอรับชำระหนี้ทั้งสี่รายนี้ได้ฟ้องจำเลยเรียกหนี้สิน แล้วนายมานิตย์ได้นำใบมอบอำนาจของจำเลยซึ่งมอบให้ไปจัดการเกี่ยวกับการขอรับรองการทำประโยชน์และทำนิติกรรมชายที่ดิน ตาม ส.ค. ๑ เลขที่ ๖๐๗ และให้มีอำนาจดำเนินคดีทางศาล เช่น ยอมความได้ด้วย มาทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับผู้ขอรับชำระหนี้ทั้งสี่ ศาลจังหวัดตรังได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและพิพากษาตามยอมให้ ศาลฎีกาเห็นว่า ใบมอบอำนาจนั้นเป็นเรื่องมอบอำนาจเกี่ยวกับที่ดิน ส.ค. ๑ เลขที่ ๖๐๗ เท่านั้น มิใช่มอบอำนาจให้ทั่วๆ ไป นายมานิตย์ จึงไม่มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับเจ้าหนี้ทั้งสี่รายนี้ และไม่มีผลผูกพันจำเลย เจ้าหนี้ทั้งสี่จะนำหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวมาขอรับชำระหนี้มิได้ เพราะเจ้าหนี้มิได้ร้องขอรับชำระหนี้โดยอาศัยมูลหนี้เดิมประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่ง การขอรับชำระหนี้ต้องกล่าวโดยชัดแจ้งว่าขอรับชำระหนี้จากมูลหนี้ใด พร้อมกับเสนอหลักฐานต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องไต่สวนทำความเห็นเสนอต่อศาล ศาลต้องพิจารณาพยานหลักฐานของผู้ขอรับชำระหนี้ด้วย
แต่เรื่องนี้ยังมิได้ดำเนินการเกี่ยวแก่หนี้เดิมแต่ประการใด จึงไม่มีทางที่ศาลจะเอามูลหนี้เดิมมาเป็นข้ออ้างอนุญาตให้เจ้าหนี้ทั้งสี่รายนี้รับชำระหนี้ได้ตามขอ
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ทั้งสี่รายนี้เสีย