คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9452/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ครบถ้วนชัดแจ้งแล้วว่า แม้จำเลยจะอ้างในคำร้องขอพิจารณาใหม่ว่า จำเลยไปประกอบธุรกิจต่างจังหวัดเป็นเวลาปีเศษ ไม่ทราบว่าถูกฟ้อง อันแสดงว่าจำเลยได้อ้างเหตุที่ไม่อาจยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ภายในกำหนด15 วัน นับแต่วันส่งคำบังคับให้จำเลยเป็นเพราะพฤติการณ์พิเศษนอกเหนือไม่อาจบังคับได้ แต่จำเลยหาได้กล่าวไว้ว่าจำเลยได้ทราบคำบังคับตั้งแต่วันที่เท่าใด เพื่อให้ทราบว่าพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้นั้นสิ้นสุดลงเมื่อใดอันไม่อาจเริ่มต้นนับกำหนด 15 วันได้ถือได้ว่าจำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงกรณียื่นคำขอล่าช้าและเหตุแห่งการล่าช้านั้น ปัญหาตามฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นสมาชิกบัตรเครดิตซิตี้แบงก์วีซ่าของโจทก์ จำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินคืนตามที่โจทก์ได้ทดรองจ่ายไป โจทก์ได้บอกเลิกการเป็นสมาชิกบัตรแล้ว ขอให้บังคับจำเลยชำระต้นเงิน เบี้ยปรับ ค่าธรรมเนียม และดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 110,249.41 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 88,566.95 บาท แก่โจทก์นับแต่วันที่ 17 กันยายน 2539 จนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 1,200 บาท

จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง เนื่องจากจำเลยไปประกอบธุรกิจกับเพื่อนที่ต่างจังหวัดเป็นเวลาปีเศษ จนกระทั่งกลางเดือนตุลาคม 2541 ได้มีจดหมายของทนายโจทก์และสำเนาคำบังคับของศาลส่งไปที่บ้านจำเลยตามสำเนาทะเบียนบ้านภรรยาของจำเลยซึ่งมิได้อยู่ด้วยกันเป็นเวลาปีเศษได้แจ้งให้พี่สาวของจำเลยทราบ จำเลยจึงเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องเป็นคดีนี้ จำเลยได้แต่งตั้งทนายความมาขอคัดเอกสารและเพิ่งได้รับสำเนาคำฟ้องเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2541 คำฟ้องของโจทก์เป็นคำฟ้องที่เคลือบคลุม และขาดอายุความแล้วขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีปิดคำบังคับเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2540 ต้องยื่นภายใน 15 วันนับแต่วันส่งคำบังคับหรือพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้สิ้นสุดลง พิจารณาตามคำร้องแล้วกรณีที่ไปทำงานต่างจังหวัดและมิได้ย้ายทะเบียนบ้านไป มิใช่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์มิได้แก้อุทธรณ์จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่าคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งในกรณีที่ยื่นคำขอล่าช้าและเหตุแห่งการล่าช้าไว้แล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 นั้น ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ครบถ้วนชัดแจ้งแล้วว่า แม้จำเลยจะอ้างในคำร้องขอพิจารณาใหม่ว่า จำเลยไปประกอบธุรกิจต่างจังหวัดเป็นเวลาปีเศษ จำเลยไม่ทราบว่าถูกฟ้องเป็นคดีนี้ อันแสดงว่าจำเลยได้อ้างเหตุที่ไม่อาจยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันส่งคำบังคับให้จำเลยเป็นเพราะพฤติการณ์พิเศษนอกเหนือไม่อาจบังคับได้ แต่จำเลยหาได้กล่าวไว้ว่าจำเลยได้ทราบคำบังคับตั้งแต่วันที่เท่าใด เพื่อให้ทราบว่าพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้นั้นสิ้นสุดลงเมื่อใดจึงไม่อาจเริ่มต้นนับกำหนด 15 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 ได้ดังนี้ถือได้ว่าจำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงกรณียื่นคำขอล่าช้าและเหตุแห่งการล่าช้านั้น ศาลฎีกาไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงดังนั้น ปัญหาตามฎีกาของจำเลยจึงเป็นปัญหาอันไม่ควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249วรรคหนึ่ง”

พิพากษายกฎีกาจำเลย ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นฎีกาแก่จำเลย

Share