แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อข้อความในสัญญาเป็นแต่กล่าวไว้ว่าถ้าจะเรียกร้องเอาค่าเสียหายทดแทนอย่างใดๆ จะต้องกระทำภายใน 3 วันนับจากวันที่สินค้ามาถึง และในการเรียกร้องค่าเสียหายทดแทนนั้นถ้าจำต้องมอบเรื่องให้อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาดคู่กรณีทั้งสองฝ่ายตกลงยินยอมที่จะปฏิบัติตามคำตัดสินชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการและคำชี้ขาดนั้นจะผูกพันคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย ดังนี้ไม่ปรากฏว่ามีข้อความใดบังคับว่าคู่กรณีจำต้องมอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาดทุกกรณีไป เพราะข้อสัญญานั้นกล่าวแต่ว่าถ้ามอบเรื่องให้อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาดแล้วคู่กรณีจะปฏิบัติตามคำชี้ขาดนั้นๆ เท่านั้น สัญญาดังกล่าวจึงไม่ตัดสิทธิคู่กรณีที่จะนำคดีมาฟ้องศาล
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของร้านค้าชื่อ “ไพโรจน์” โจทก์ที่ 2 เป็นผู้จัดการ โจทก์ที่ 2 ได้ตกลงซื้อเครื่องขีดไฟตามตัวอย่างที่จำเลยเสนอขายจำนวน 500 โหล ราคา 925 เหรียญอเมริกันได้วางมัดจำ 9,750 บาท ของที่ส่งมาถึงโจทก์ไปรับและชำระราคาจำเลยเอาเครื่องขีดไฟไม่เหมือนตัวอย่างมาให้ โจทก์ไม่รับและบอกเลิกสัญญาและขอมัดจำคืน จำเลยไม่ยอม จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้และฟ้องแย้งว่า จำเลยได้ทำสัญญาขายเครื่องขีดไฟรูปคล้ายเทียนให้โจทก์ตามสัญญาท้ายฟ้องจริง แต่เป็นการซื้อขายตามคำพรรณาหาใช่เป็นการซื้อขายตามตัวอย่างไม่ เมื่อเครื่องขีดไฟมาถึงโจทก์ไม่ไปรับโจทก์ผิดสัญญา จำเลยจึงริบมัดจำ การที่โจทก์ไม่ยอมรับของทำให้จำเลยต้องชำระราคาแก่ผู้ขนส่งตามราคาที่กำหนดในสัญญาและขาดค่านายหน้าที่จำเลยจะถึงได้รับรวมเป็นเงิน 34,659 บาท 52 สตางค์ การที่โจทก์ไม่ยอมรับของจำเลยต้องนำของออกขายตามสัญญาข้อ 4 เมื่อคำนวนราคาของที่ขายได้บวกกับเงินมัดจำที่โจทก์วางไว้เป็นเงิน 24,750 บาท จำเลยต้องขาดประโยชน์ไป 9,909.52 บาทจึงขอฟ้องแย้งให้บังคับโจทก์ทั้งสองรับผิดร่วมกันใช้ อนึ่งจำเลยตัดฟ้องว่าโจทก์มิได้เสนอข้อเรียกร้องต่ออนุญาโตตุลาการตามสัญญาข้อ 9 โจทก์ไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องศาลและว่าคำแปลสัญญาข้อ 9 ท้ายฟ้องไม่ถูกต้อง ทั้งโจทก์ที่ 2 ไม่ได้แสดงให้จำเลยทราบว่าโจทก์ที่ 2 ทำแทนโจทก์ที่ 1 ในฐานผู้จัดการร้านค้าของโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 2 แสดงต่อจำเลยว่าโจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของร้านค้าไพโรจน์เอง จำเลยไม่รู้จักกับโจทก์ที่ 1
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ที่ 2 ได้แจ้งให้จำเลยทราบแล้วว่าโจทก์ที่ 2 เป็นผู้จัดการของโจทก์ที่ 1 และทำแทนโจทก์ที่ 1 โจทก์ทั้งสองเคยติดต่อกับจำเลยมานานแล้วจำเลยทราบดี โจทก์ยืนยันว่าเรื่องนี้โจทก์ฟ้องขอเลิกสัญญาจึงไม่อยู่ในความหมายของสัญญาข้อ 9คำแปลสัญญาข้อ 9 ของโจทก์ถูกต้องแล้ว และต่อสู้อื่น ๆ อีกหลายประการ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนมัดจำ 9,750 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย ฯลฯ และให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเชื่อว่าการซื้อขายรายนี้ได้มีของตัวอย่างให้โจทก์ดูและโจทก์สั่งซื้อตามตัวอย่างจริง เมื่อจำเลยส่งของมาไม่ตรงตามตัวอย่าง จำเลยก็เป็นผู้ผิด
ที่จำเลยฎีกาว่า การที่โจทก์สืบว่าการซื้อขายมีของตัวอย่างเป็นการสืบแก้ไข สัญญาไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการสืบของโจทก์เป็นการสืบให้ทราบรายละเอียดว่าเครื่องขีดไฟรูปเทียนตามสัญญานั้นเป็นชนิดใดโดยเครื่องขีดไฟรูปเทียนมีหลายชนิดด้วยกัน เช่นนี้หาเป็นการสืบแก้ไขสัญญาไม่
ข้อที่จำเลยตัดฟ้องว่า โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องคดีนี้เพราะจะต้องนำข้อพิพาทเสนออนุญาโตตุลาการตามสัญญาข้อ 9 นั้นเห็นว่าสัญญาข้อ 4เป็นแต่กล่าวไว้ว่าถ้าจะเรียกร้องเอาค่าเสียหายทดแทนอย่างใด ๆ จะต้องกระทำภายใน 3 วันนับจากวันที่สินค้ามาถึง และในการเรียกร้องค่าเสียหายทดแทนนั้นถ้าจำต้องมอบเรื่องให้อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาดคู่กรณีทั้งสองฝ่ายตกลงยินยอมที่จะปฏิบัติตามคำตัดสินชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ และคำตัดสินชี้ขาดนั้นจะผูกพันธ์คู่กรณีทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ไม่มีข้อบังคับว่าคู่กรณีจำต้องมอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาดทุกกรณีไป ข้อสัญญานั้นบอกแต่เพียงว่า ถ้ามอบเรื่องให้อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาดแล้วคู่กรณีจะปฏิบัติตามคำชี้ขาดนั้น ๆ เท่านั้น จึงไม่เป็นการตัดสิทธิที่จะนำคดีมาฟ้องศาล
พิพากษายืน