แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องผิดสัญญาซื้อขาย คดีถึงที่สุดศาลบังคับให้จำเลยขายที่รายพิพาทให้แก่โจทก์ แล้วต่อมาโจทก์จะมาฟ้องว่าในระหว่างคดีก่อนนั้นจำเลยเข้าทำผลประโยชน์ในที่รายพิพาท ขอเรียกค่าเสียหายอีกไม่ได้เป็นฟ้องซ้ำ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าได้ซื้อที่นาจากจำเลยโดยโจทก์ออกเงินชำระหนี้ของจำเลยไปเป็นการชำระราคาค่านา แต่ยังไม่ได้แบ่งที่นากันจำเลยได้มอบที่นารายพิพาทให้โจทก์ครอบครองแล้ว ต่อมาจำเลยเข้าทำนาที่โจทก์ครอบครองนั้น โจทก์จึงฟ้องจำเลยฐานผิดสัญญาซื้อขายศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยโอนขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ ในระหว่างเป็นความกันนั้น จำเลยทำนาที่พิพาทเอาเป็นผลประโยชน์ของจำเลยเสีย 3 ปี ทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ไปเป็นเงิน 30,000 บาท ขอให้บังคับให้จำเลยใช้
จำเลยต่อสู้ตัดฟ้องว่าเป็นฟ้องซ้ำ และต่อสู้ประการอื่น ๆ ด้วย
ศาลชั้นต้นพิจารณาข้อตัดฟ้องแล้วเห็นว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 30,000 บาท แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นฟ้องซ้ำ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีก่อนโจทก์ฟ้องเพื่อตั้งสิทธิตามข้อตกลงในสัญญา แต่ขณะเดียวกันการละเมิดได้เกิดขึ้นพร้อมกับค่าเสียหายอันเกิดจากที่จำเลยผิดสัญญา โจทก์ควรเรียกค่าเสียหายอันผิดสัญญาซึ่งเป็นการละเมิดเสียในคราวเดียวกัน เพราะประเด็นที่จะต้องพิจารณาก็เนื่องมาจากมูลอันเดียวกัน กรณีต้องห้ามมิให้รื้อร้องฟ้องกันอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 พิพากษายืน