แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลก็จะรับฟังลงโทษนอกเหนือไปจากความจริงหาได้ไม่
ฟ้องว่าผู้เสียหายบาดเจ็บถึงทุพลภาพและทนทุกข์เวทนา+ ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ดังปกติเกินกว่า 20 วัน จำเลยรับสารภาพตามฟ้อง โจทก์ขอสืบพยานประกอบเพราะแต่วันเกิดเหตุถึงวันจำเลยรับไม่เกิน 20 วัน ผู้เสียหายเบิกความว่าแผลที่ศีร์ษะแม้รักษา 30 วัน แต่ก็ลุกไปไหนไม่ได้เพียงครึ่งเดือนเท่านั้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นบาดเจ็บถึงสาหัสตาม ม. 256 (8)
ส่วนบาดเจ็บที่นิ้วทำไขดักปลาไม่ได้ 20 วันนั้น ปรากฎว่าผู้เสียหายมีอาชีพทำนา จึงถือไม่ได้ว่าการทำเครื่องมือหาปลาเป็นอาชีพตามปกติ ตาม ม.256(8)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้ไม้ตะบอกตีนายสอนมีบาดแผลบาดเจ็บสาหัสถึงความทุพพลภาพและทนทุกข์เวทนากล้าไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพได้ดังปกติเกินกว่า ๒๐ วัน จำเลยรับสารภาพตามฟ้อง โจทก์ขอสืบพยานประกอบเพราะตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงวันที่จำเลยรับนี้ยังไม่เกิน ๒๐ วัน นายสอนผู้เสียหายเบิกความประกอบว่าแผลที่ศีร์ษะรักษาประมาณ ๓๐ วันหาย ไปไหนไม่ได้อยู่ครึ่งเดือน แต่แผลที่นิ้วนั้นจนถึงวันเบิกความยังบวมเจ็บเล็บถอดทำไขไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีผิดตาม ม. ๒๕๔,๕๙ ให้จำคุก ๓ เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยให้การรับสารภาพนอกเหนือความจริงในข้อหาฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บถึงสาหัส โดยข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของนายสอนผู้เสียหายว่าบาดแผลที่ศีร์ษะแม้รักษา ๓๐ วันหาย แต่ก็รักษาลุกไปไหนไม่ได้เพียงครึ่งเดือนเท่านั้น แผลที่ศีร์ษะจึงถือไม่ได้ว่าเป็นบาดแผลถึงสาหัสตามความใน ก.ม.อาญา ม.๒๕๖(๘) ตอนแรก เพราะไม่ถึงความทุพลภาพหรือพยาธิมีอาการประกอบด้วยทุกข์เวทนากล้าเกินกว่า ๒๐ วัน ส่วนบาดเจ็บที่นิ้วชี้และนิ้วกลางซึ่งทำให้ผู้เสียหายทำไขดักปลาไม่ได้เกิน ๒๐ วันนั้น ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎจากคำเบิกความของนายสอนผู้เสียหายก็ถือไม่ได้ว่าการทำเครื่องมือหาปลาเป็นอาชีพตามปกติคงเป็นการทำในยามว่างจากการทำนาเท่านั้น จึงไม่ใช่เป็นการถูกทำร้ายถึงกับไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพได้โดยปกติเพราะความทุพพลภาพหรือพยาธินั้นเกินกว่า ๒๐ วันตามความ ก.ม.อาญา ม.๒๕๖ (๘) ฉนั้น จำเลยจะให้การว่าขอให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลก็รับฟังลงโทษจำเลยตามคำรับที่นอกเหนือความจริงไม่ได้ จึงพิพากษายืน