คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9442/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้เช็คพิพาทจำเลยที่ 2 ลงชื่อในเช็คแต่ผู้เดียวและประทับตราบริษัทจำเลยที่ 1 ซึ่งไม่ถูกต้องตามข้อบังคับที่ต้องมีจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อร่วมกับกรรมการอื่นอีกหนึ่งคนและประทับตราสำคัญของบริษัทก็ตาม แต่บริษัทจำเลยที่ 1ก็ให้การยอมรับว่า จำเลยที่ 1 ได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทเพื่อค้ำประกันการกู้ยืมของจำเลยที่ 1จึงเท่ากับเป็นการให้สัตยาบัน บริษัทจำเลยที่ 1 จึงต้องผูกพันรับผิดตามเช็คแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823,1167 จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน227,350.80 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 224,544 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โดยมิได้บรรยายถึงรายละเอียดของมูลหนี้เดิมตามสัญญากู้ จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาทเพื่อค้ำประกันการกู้ยืมของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ได้ผ่อนชำระให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 224,544 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 28 เมษายน 2540 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้อง (วันที่ 26 มิถุนายน 2540) ต้องไม่เกิน 2,806.80 บาทให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 224,544 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 28 เมษายน 2540 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้อง (วันที่ 26 มิถุนายน 2540) ต้องไม่เกิน 2,806.80 บาทนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองประการแรกมีว่า จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อไปมีว่า จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.2 ร่วมกับจำเลยที่ 1ต่อโจทก์หรือไม่ เห็นว่า แม้เช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.2 จำเลยที่ 2 ลงชื่อในเช็คแต่เพียงผู้เดียวและประทับตราบริษัทจำเลยที่ 1 ซึ่งไม่ถูกต้องตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ตามเอกสารหมาย จ.1 ที่ต้องมีจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อร่วมกับกรรมการอื่นอีกหนึ่งคน และประทับตราสำคัญของบริษัทก็ตาม แต่บริษัทจำเลยที่ 1 ก็ให้การยอมรับว่า จำเลยที่ 1 ได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทเพื่อค้ำประกันการกู้ยืมของจำเลยที่ 1 จึงเท่ากับเป็นการให้สัตยาบัน บริษัทจำเลยที่ 1 จึงต้องผูกพันรับผิดตามเช็คแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823, 1167 จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 2 รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share