คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1473/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์และ พ. เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารคนละกึ่งหนึ่ง โดยมีเงื่อนไขว่าคนใดคนหนึ่งมีสิทธิเบิกถอนเงินได้ หากคนใดคนหนึ่งถึงแก่กรรมต้องให้ทายาทของคนนั้นให้ความยินยอมแทนจึงจะเบิกได้ เมื่อ พ. ถึงแก่ความตาย จำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นทายาทของ พ. ย่อมเข้าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในเงินบัญชีดังกล่าวคนละครึ่งกับโจทก์แทน พ. จำเลยทั้งสี่ต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1600 และมีหน้าที่ต้องให้ ความยินยอมในการที่โจทก์ขอถอนเงินส่วนของโจทก์จากบัญชีดังกล่าวเมื่อจำเลยทั้งสี่ไม่ให้ความยินยอมในการที่โจทก์จะถอนเงิน ส่วนของโจทก์ จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์แล้วตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 และหากจำเลยทั้งสี่ ไม่ยินยอม ศาลก็มีอำนาจสั่งให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแสดงต่อธนาคารแทนการให้ความยินยอมของจำเลยทั้งสี่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในเงินในบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขากาญจนบุรีซึ่งมีชื่อโจทก์กับนางเพียน สายสิทธิ์ เป็นเจ้าของคนละกึ่งหนึ่งเท่า ๆ กัน นางเพียน ถึงแก่กรรม โจทก์จึงขอเบิกเงินจากธนาคารซึ่งปรากฏจำนวนเงินพร้อมดอกเบี้ย 613,683.17 บาทแต่จำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นบุตรนางเพียนไม่ให้ความยินยอมในการที่โจทก์จะเบิกถอนเงินดังกล่าว ขอศาลมีคำสั่งแบ่งเงินในธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขากาญจนบุรี ตามฟ้องเป็นของโจทก์กึ่งหนึ่ง หรือให้จำเลยทั้งสี่ให้ความยินยอมการเบิกเงินในส่วนของโจทก์ หากจำเลยทั้งสี่ไม่ยินยอมให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสี่
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำฟ้อง แต่ต่อมาเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสี่ไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ จึงมีคำสั่งใหม่ไม่รับฟ้อง จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เมื่อนางเพียนเจ้ามรดกถึงแก่ความตายจำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นทายาทของนางเพียนย่อมเข้าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในเงินบัญชีเลขที่ 3272178892 คนละครึ่งกับโจทก์แทนนางเพียน และเนื่องจากโจทก์กับนางเพียนตกลงกันว่าหากคนใดคนหนึ่งถึงแก่กรรมต้องให้ทายาทให้ความยินยอมจำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นทายาทต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1600 ฉะนั้นจำเลยทั้งสี่จึงมีหน้าที่ต้องให้ความยินยอมในการที่โจทก์ขอถอนเงินส่วนของโจทก์จากบัญชีดังกล่าว คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องยืนยันว่าจำเลยทั้งสี่ไม่ให้ความยินยอมในการที่โจทก์จะถอนเงินส่วนของโจทก์จึงเป็นการกล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสี่โต้แย้งสิทธิโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 และหากจำเลยทั้งสี่ไม่ยินยอม ศาลก็มีอำนาจสั่งให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแสดงต่อธนาคารแทนการให้ความยินยอมของจำเลยทั้งสี่ได้ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำฟ้องโจทก์ ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาอุทธรณ์โจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นให้รับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป

Share