คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 944/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การโอนเช็คจะถือว่ามีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉลหรือไม่นั้นเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะนำสืบให้ฟังได้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทโดยรู้ว่าจำเลยไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระตามเช็ค การที่จำเลยเอาเงินของบ. ไปแล้วออกเช็คมิได้ลงวันถึงกำหนดให้ใช้เงินให้บ. ไว้แสดงอยู่ในตัวว่ายินยอมให้บ. กรอกวันตามที่บ. เห็นสมควรลงในเช็คเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คได้ อายุความฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากผู้สั่งจ่ายเริ่มนับตั้งแต่วันที่เช็คถึงกำหนดหรือวันที่ลงในเช็ค.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คในฐานะผู้สั่งจ่ายจำนวน30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ไม่เคยสั่งจ่ายเช็คตามฟ้อง เช็คตามฟ้องไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่าย จำเลยเคยออกเช็คให้แก่นางบุญล้อมแต่ปี 2518 เพื่อเป็นหลักค้ำประกันหนี้สิน 30,000 บาท จำเลยไม่เคยตกลงให้นางบุญล้อมหรือผู้ทรงเช็คหรือโจทก์กรอกวันที่สั่งจ่ายในเช็ค ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยโดยกำหนดค่าทนายความ 1,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงิน 31,214.38 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 30,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 1,600 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงที่ไม่โต้เถียงกันรับฟังได้ว่าจำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาท แต่ไม่ได้ลงวันถึงกำหนดใช้เงินในเช็คให้นางบุญล้อมพี่ของโจทก์ นางบุญล้อมจดลงวันถึงกำหนดใช้เงินในเช็คแล้วมอบเช็คนั้นให้โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ปรากฏว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายเงินแก่ผู้ถือ ดังนั้น เมื่อโอนเปลี่ยนมือตกมาอยู่กับโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ครอบครองหรือผู้ถือและเป็นผู้ทรงเช็คนั้นตามกฎหมาย จำเลยเพียงปากเดียวเบิกความว่า จำเลยออกเช็คพิพาทให้นางบุญล้อมเพื่อเป็นหลักประกันที่นางบุญล้อมออกเงินทุนให้จำเลยทำถ่าน ต่อมาจำเลยส่งถ่านให้นางบุญล้อมและคิดบัญชีหักหนี้กันแล้วคงค้างชำระเพียง 3,000 บาทเศษ ไม่ถึงจำนวนตามที่ปรากฏในเช็ค “เห็นว่า การโอนเช็คจะถือว่ามีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉลนั้น ย่อมตกเป็นหน้าที่ของจำเลย จะต้องสืบให้ฟังได้ว่า โจทก์รับโอนเช็คพิพาทโดยรู้ว่าจำเลยไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระให้นางบุญล้อมตามเช็คนั้น เมื่อพยานจำเลยไมม่ปรากฏเช่นว่านั้น จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท และแม้คดีฟงได้ตามข้อต่อสู้ของจำเลยว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยออกให้นางบุญล้อมเพื่อค้ำประกันเงินทุนทำถ่านที่รับมาจากนางบุญล้อม ก็ยังแสดงว่าจำเลยเอาเงินของนางบุญล้อมไปแล้วออกเช็คมิได้ลงวันถึงกำหนดใช้เงินให้นางบุญล้อมไว้และแสดงอยู่ในตัวว่ายินยอมให้นางบุญล้อมกรอกวันตามที่นางบุญล้อมเห็นสมควรลงในเช็คเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คได้ หากภายหลังไม่มีการคิดบัญชีหักหนี้หรือยังไม่ได้ชำระหนี้ตามเช็ค เมื่อจำเลยพิสูจน์ฟังไม่ได้ว่า จำเลยกับนางบุญล้อมคิดบัญชีหักหนี้กันแล้วคงค้างชำระต่อกันไม่มากถึงจำนวนเงินตามที่ปรากฏในเช็ค จึงต้องฟังว่า จำเลยเป็นหนี้นางบุญล้อมตามเช็ค นางบุญล้อมย่อมจะกรอกลงวันที่ในเช็คโดยพลการเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คหรือโอนเช็คให้โจทก์ได้ ที่สำคัญไม่ปรากฏว่าโจทก์รู้เรื่องราวนิติสัมพันธ์ระหว่างจำเลยและนางบุญล้อมแต่อย่างใด จึงถือว่าโจทก์รับโอนเช็คไว้โดยสุจริต เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารไม่ได้ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คนั้นได้ สำหรับกรณีเรื่องอายุความที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คจะฟ้องเรียกเงินตามเช็คตามเช็คจากจำเลยผู้สั่งจ่ายเริ่มนับตั้งแต่วันที่เช็คถึงกำหนดหรือวันที่ลงในเช็ค มิใช่เริ่มนับตั้งแต่วันที่จำเลยผู้สั่งจ่ายมอบเช็คให้นางบุญล้อม คดีปรากฏว่าเช็คพิพาทลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2525 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 3กุมภาพันธ์ 2526 ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในชั้นฎีกา หกร้อยบาทแทนโจทก์.”

Share