คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตาม พระราชบัญญัติ ให้ใช้บทบัญญัติบรรพ1 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ.2535มาตรา14บัญญัติว่า”บรรดาระยะเวลาที่บัญญัติไว้ในบรรพ1แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฯลฯซึ่งใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับหากระยะเวลาดังกล่าวยังไม่สิ้นสุดลงในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและระยะเวลาที่กำหนดขึ้นตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ท้ายพระราชบัญญัตินี้แตกต่างกับระยะเวลาที่กำหนดไว้เดิมให้นำระยะเวลาที่ยาวกว่ามาใช้บังคับ”ในระหว่างเกิดเหตุคดีนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ1ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ.2535ยังไม่ใช้บังคับการ นับระยะเวลาในการที่บุคคลได้ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่และไปตกต้องในฐานที่จะเป็นภยันตรายแก่ชีวิตอันจะเป็นคนสาบสูญจึงต้องนับเวลาถึงสามปีนับแต่เมื่อภยันตรายได้ผ่านพ้นไปแล้วทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา64วรรคสองเดิมแม้โจทก์จะมาร้องขอให้ ม. เป็นคนสาบสูญเมื่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ1ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ.2535ใช้บังคับแล้วและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา61วรรคสองที่ได้ตรวจชำระใหม่ให้ลดระยะเวลาเหลือเพียงสองปีนับแต่วันที่เหตุอันตรายแก่ชีวิตได้ผ่านพ้นไปก็ตามแต่เมื่อพิจารณาตามมาตรา14แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ1แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ.2535แล้วจะเห็นได้ว่าระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา64วรรคสองเดิมใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ1แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ.2535ใช้บังคับและระยะเวลาดังกล่าวยังไม่สิ้นสุดลงในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับทั้งระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา64วรรคสองเดิมยาวกว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ตรวจชำระใหม่พ.ศ.2535มาตรา61วรรคสองจึงต้องถือระยะเวลาที่ยาวกว่ามาใช้บังคับตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ1แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ.2535มาตรา14ดังนั้นการร้องขอให้ศาลสั่งให้ ม. เป็นคนสาบสูญในคดีนี้จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา64วรรคสองเดิมคือใช้ระยะเวลา3ปี

ย่อยาว

ผู้ร้อง ยื่น คำร้อง ว่า เมื่อ วันที่ 16 พฤษภาคม 2535นาย มาโนช คำวงษ์หรือวิสารทานนท์ ซึ่ง มี ถิ่นที่อยู่ บ้าน เลขที่ 153/10 หมู่ ที่ 1 แขวง ทุ่งสองห้อง เขต ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เป็น บุตร ของ นาย วิวัธน์ วิสารทานนท์หรือคำวงษ์ ได้ ออกจาก บ้าน ไป ร่วม ชุมนุม ประท้วง เรียกร้อง ประชาธิปไตย ที่บริเวณ ท้อง สนามหลวง และ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เขต พระนคร กรุงเทพมหานคร ใน การ ชุมนุม ประท้วง เรียกร้อง ประชาธิปไตย ดังกล่าววันที่ 20 พฤษภาคม 2535 ได้ มี การ จราจล ทำให้ ผู้เข้าร่วม ชุมนุมประท้วง ถึงแก่ความตาย บาดเจ็บ และ สูญหาย ไป จำนวน มาก ครั้น วันที่21 พฤษภาคม 2535 เหตุการณ์ ดังกล่าว จึง สงบ ลง นับแต่ วันนั้น มานาย มาโนช ก็ ไม่ได้ กลับมา บ้าน อีก เลย จน กระทั่ง วัน ยื่น คำร้อง เป็น เวลา ล่วงเกิน 2 ปี แล้ว ไม่มี ใคร ทราบ ข่าว ว่า เป็น ตาย ร้าย ดีอย่างไร และ อยู่ ที่ ไหน ขอให้ มี คำสั่ง ให้ นาย มาโนช เป็น คนสาบสูญ
ศาลชั้นต้น ไต่สวน แล้ว มี คำสั่ง ให้ยก คำร้อง
ผู้ร้อง อุทธรณ์ เฉพาะ ปัญหาข้อกฎหมาย โดยตรง ต่อ ศาลฎีกา โดยได้รับ อนุญาต จาก ศาลชั้นต้น ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า การ ที่ ศาล จะ สั่ง ให้ นาย มาโนช เป็น คนสาบสูญ จะ ใช้ ระยะเวลา 3 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 64 วรรคสอง เดิม หรือ จะ ใช้ ระยะเวลา 2 ปี ตาม ประมวล กฎหมายแพ่ง และ พาณิชย์ ที่ ได้ ตรวจ ชำระ ใหม่ พ.ศ. 2535 มาตรา 61 วรรคสองผู้ร้อง อุทธรณ์ ว่า คดี นี้ ผู้ร้อง ร้องขอ ให้ ศาล สั่ง ให้ นาย มาโนช เป็น คนสาบสูญ เมื่อ พ้น กำหนด เวลา 2 ปี ตาม มาตรา 61 วรรคสองแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ ได้ ตรวจ ชำระ ใหม่ พ.ศ. 2535 ได้เห็นว่า ตาม พระราชบัญญัติ ให้ ใช้ บทบัญญัติ บรรพ 1 แห่ง ประมวล กฎหมายแพ่ง และ พาณิชย์ ที่ ได้ ตรวจ ชำระ ใหม่ พ.ศ. 2535 มาตรา 14 บัญญัติ ว่า”บรรดา ระยะเวลา ที่ บัญญัติ ไว้ ใน บรรพ 1 แห่ง ประมวล กฎหมายแพ่ง และ พาณิชย์ ฯลฯ ซึ่ง ใช้ บังคับ อยู่ ก่อน วันที่ พระราชบัญญัติ นี้ใช้ บังคับ หาก ระยะเวลา ดังกล่าว ยัง ไม่ สิ้นสุด ใน วันที่ พระราชบัญญัตินี้ ใช้ บังคับ และ ระยะเวลา ที่ กำหนด ขึ้น ตาม บทบัญญัติ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ ได้ ตรวจ ชำระ ใหม่ ท้าย พระราชบัญญัตินี้ แตกต่าง กับ ระยะเวลา ที่ กำหนด ไว้ เดิม ให้ นำ ระยะเวลา ที่ ยาว กว่ามา ใช้ บังคับ ” ใน ระหว่าง เกิดเหตุ คดี นี้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 1 ที่ ได้ ตรวจ ชำระ ใหม่ พ.ศ. 2535 ยัง ไม่ ใช้ บังคับ การ นับระยะเวลา ใน การ ที่ บุคคล ได้ ไป จาก ภูมิลำเนา หรือ ถิ่นที่อยู่ และไป ตก ต้อง ใน ฐาน ที่ จะ เป็น ภยันตราย แก่ ชีวิต อัน จะ เป็น คนสาบสูญจึง ต้อง นับเวลา ถึง สาม ปี นับแต่ เมื่อ ภยันตราย ได้ ผ่านพ้น ไป แล้วทั้งนี้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 64 วรรคสอง เดิมแม้ โจทก์ จะ มา ร้องขอ ให้ นาย มาโนช เป็น คนสาบสูญ เมื่อ ประมวล กฎหมาย แพ่ง และ พาณิชย์ มาตรา 61 วรรคสอง ที่ ได้ ตรวจ ชำระ ใหม่ ให้ ลด ระยะเวลา เหลือ เพียง สอง ปี นับแต่ วันที่ เหตุ อันตราย แก่ ชีวิต ได้ ผ่านพ้นไป ก็ ตาม แต่เมื่อ พิจารณา ตาม มาตรา 14 แห่ง พระราชบัญญัติ ให้ ใช้บทบัญญัติ บรรพ 1 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ ได้ ตรวจชำระ ใหม่ พ.ศ. 2535 แล้ว จะ เห็น ได้ว่า ระยะเวลา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 64 วรรคสอง เดิม ใช้ บังคับอยู่ ก่อน วันที่ พระราชบัญญัติ ให้ ใช้ บทบัญญัติ บรรพ 1 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ ได้ ตรวจ ชำระ ใหม่ พ.ศ. 2535 ใช้ บังคับและ ระยะเวลา ดังกล่าว ยัง ไม่ สิ้นสุด ลง ใน วันที่ พระราชบัญญัติ นี้ใช้ บังคับ ทั้ง ระยะเวลา ที่ กำหนด ไว้ ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 64 วรรคสอง เดิม ยาว กว่า ระยะเวลา ที่ กำหนด ไว้ ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ ตรวจ ชำระ ใหม่ พ.ศ. 2535 มาตรา61 วรรคสอง จึง ต้อง ถือ ระยะเวลา ที่ ยาว กว่า มา ใช้ บังคับ ตาม ที่บัญญัติ ไว้ ใน พระราชบัญญัติ ให้ ใช้ บทบัญญัติ บรรพ 1 แห่ง ประมวล กฎหมายแพ่ง และ พาณิชย์ ที่ ได้ ตรวจ ชำระ ใหม่ พ.ศ. 2535 มาตรา 14 ดังนั้นการ ร้องขอ ให้ ศาล สั่ง ให้ นาย มาโนช เป็น คนสาบสูญ ใน คดี นี้ จึง ต้อง บังคับ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 64 วรรคสอง เดิมคือ ใช้ ระยะเวลา 3 ปี ที่ ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ยก คำร้องของผู้ร้องศาลฎีกา เห็นพ้อง ด้วย อุทธรณ์ ของ ผู้ร้อง ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share