แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนตาม ป.อ. มาตรา 339,340 ตรี ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า พยานโจทก์มีเหตุอันสงสัยว่า จำเลยใช้อาวุธปืนในการกระทำผิดหรือไม่จึงลงโทษตามมาตรา 339 วรรคสอง มาตราเดียว จำเลยอุทธรณ์ฝ่ายเดียว ข้อเท็จจริงจึงยุติว่าจำเลยไม่ได้ใช้อาวุธปืนในการกระทำความผิดศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยในความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ เช่นนี้โจทก์จะฎีกาว่าจำเลยหรือพรรคพวกของจำเลยเป็นผู้ยิง ต้องลงโทษตามฟ้องหาได้ไม่ เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยไม่ได้ใช้อาวุธปืนในการกระทำความผิดถึงที่สุดไปแล้ว และถือไม่ได้ว่าโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานชิงทรัพย์ตามมาตรา 339 เพราะโจทก์ไม่ได้บรรยายข้อเท็จจริงโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มาในฎีกาว่าจำเลยได้กระทำการอย่างไรที่ถือว่าเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์คงกล่าวเพียงว่าจำเลยหรือพรรคพวกจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงอันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามฟ้องเท่านั้น ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 193 ประกอบด้วยมาตรา 225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนยิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 340 ตรี กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 9,000 บาทแก่ผู้เสียหาย และนับโทษต่อจากคดีอื่น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 วรรคสอง จำคุก 10 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน9,000 บาท แก่ผู้เสียหายและไม่นับโทษต่อให้ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 วรรคแรก จำคุก 4 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 340 ตรีศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพยานโจทก์มีเหตุอันควรสงสัยว่า จำเลยใช้อาวุธปืนในการกระทำผิดหรือไม่ จึงลงโทษตามมาตรา 339 วรรคสองมาตราเดียว โจทก์มิได้อุทธรณ์ว่า จำเลยใช้อาวุธปืนในการกระทำผิดข้อเท็จจริงจึงยุติว่าจำเลยไม่ได้ใช้อาวุธปืนในการกระทำความผิดจำเลยอุทธรณ์ฝ่ายเดียวว่า จำเลยมิได้กระทำผิด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนยิง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์และลงโทษในความผิดฐานนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์จะฎีกาว่า จำเลยหรือพรรคพวกของจำเลยเป็นผู้ยิง ต้องลงโทษตามฟ้องนั้นไม่ได้เพราะข้อเท็จจริงที่ว่า จำเลยไม่ได้ใช้อาวุธปืนในการกระทำผิดได้ถึงที่สุดไปแล้ว ส่วนจะถือว่าโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานชิงทรัพย์ตามมาตรา 339 ด้วยหรือไม่นั้นเห็นว่าโจทก์มิได้บรรยายข้อเท็จจริงโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มาในฎีกาเลยว่าจำเลยได้กระทำการอย่างไรที่ถือว่าเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ คงบรรยายข้อเท็จจริงเพียงว่าจำเลยหรือพรรคพวกจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงอันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามฟ้องเท่านั้น ต้องถือว่าฎีกาของโจทก์มิได้ระบุข้อเท็จจริงฐานชิงทรัพย์ตามมาตรา 339 ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ประกอบด้วยมาตรา 225ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาโจทก์