แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บุกรุกและทำร้ายร่างกายวิธีพิจารณาอาญาวิวาทกันในบ้านบาดเจ็บไม่ถึงสาหัส ตำรวจไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์จำเลยต่างฝ่ายต่างฟ้องกันเปน ๔ สำนวนและตำรวจเปนโจทก์ฟ้องจำเลยต่างฝ่ายต่างขอให้ลงโทษซึ่งกันแลกันตาม ม. ๒๕๔ – ๓๓๘ – ๓๒๗ – ๓๒๘ – ๓๒๙
ข้อเท็จจริงได้ความว่า ในวันเกินเหตุเด็กชาย บ. ทะเลาะวิวาทกับเด็กชาย จ. และต่างผลักกันเด็กชาย จ. ตกจากร้านถึงสลบ ส่วนเด็กชาย บ. หนีกลับบ้าน อ.จำเลยได้ทราบเหตุจึงไปบอกผู้ปกครองเด็กชาย บ. แต่ต้องเดิรผ่านบ้าน ฮ. ท. แล ง. ล. โจทก์ซึ่งเปนผู้ปกครอง บ. ตอบว่าไม่ได้ผลักถ้าผลักจริงก็ให้ตำรวจมาจับ จึงเกิดเถียงกันขึ้น ล. ได้ต่อย อ. แล จ. ได้ต่อยตอบบ้างแล้วต่างฝ่ายเข้ากอดปล้ำกัน ล. มีบาดเจ็บ ๔ แห่ง คือ ( ๑ ) ถูกทำร้ายที่ลิ้นปี่เปนผื่นแดง ( ๒ ) ข้อศอกซ้ายหนังดำถลอก ( ๓ ) ที่คอเปนรอยขูดแดง ( ๔ ) มือซ้ายด้านหลังบวมแดง แต่ อ. ไม่มีบาดเจ็บอย่างไรดังนี้
ศาลโปริสภาและศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าตำรวจไม่มีอำนาจฟ้องเพระการวิวาทไม่ถึงบาดเจ็บและเหตุเกิดขึ้นในบริเวณบ้าน ไม่ใช่สาธารณสถานส่วนสำนวนที่ ล. เปน โจทก์นั้นเห็นว่า ทั้ง ๒ คนมีผิดตาม ม. ๓๓๔ ข้อ ๒ ส่วนข้อที่หาว่าบุกรุกนั้นเห็นว่า อ. เข้าไปโดยจำเปนที่จะไปบอก ล. หาได้เข้าไปทำร้ายเด็กชาย ม. ไม่ จำเลยจึงไม่ควรมีผิด จึงให้ปรับ อ. และ ล. คนละ ๒๐ บาท
ล.ม.ฮ.ท. ฎีกา ค. คัดค้านว่าความผิดของจำเลยควรเปน ม. ๒๕๔ เพราะบาดเจ็บของ ล. เปนบาทแผลสาหัส ง.ฮ. ท. คัดค้าน ขอให้ ลงโทษจำเลยฐานบุกรุก
ฎีกาตัดสินว่า คดีที่ ล. เปนจำเลยฎีกาไม่ได้ต้องบทห้ามตาม ม. ๓ แห่ง พรบ ฎีกา อุทธรณ์ส่วนสำนวนที่ ล. และ ง.ฮ.ท. เปน โจทก์คงพิพากษายืนตามศาลล่างทั้ง ๒