คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 904/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินและอาคารของโจทก์และของจำเลยร่วมอยู่ติดกันโดยต่างรับซื้อมาจากบุคคลอื่นกันสาดของอาคารที่จำเลยร่วมซื้อได้รุกล้ำที่ดินที่โจทก์ซื้ออยู่ก่อนแล้ว ต่อมาจำเลยร่วมได้สร้างห้องน้ำบนกันสาดนั้น อันเป็นการใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์เฉพาะที่กันสาดรุกล้ำเข้าไปนั้นสืบต่อจากเจ้าของเดิม โดยจำเลยร่วมมิได้ขออนุญาตต่อผู้ใด ถือได้ว่าจำเลยร่วมได้สร้างห้องน้ำขึ้นโดยสุจริตย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 และข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่าจำเลยร่วมใช้สิทธิโดยอำนาจปรปักษ์เกินกว่า 10 ปีแล้ว กันสาดและห้องน้ำเหนือที่ดินของโจทก์ย่อมตกอยู่ในภารจำยอม โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอให้จำเลยรื้อห้องน้ำบนกันสาดนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพร้อมด้วยตึก ๓ ชั้น ๑ คูหาจำเลยเป็นเจ้าของโรงแรมซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินติดต่อกับที่ดินของโจทก์ เมื่อประมาณ ๘-๙ ปีมาแล้ว สามีจำเลยได้ขออนุญาตใช้กับสาดบนตึกชั้นสองของโรงแรมซึ่งรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์กั้นเป็นห้องน้ำ โดยตกลงกันว่าหากโจทก์ต้องการใช้เมื่อใดก็จะจัดการรื้อให้ตามเดิม ต่อมาโจทก์ประสงค์จะใช้กันสาดนี้ต่อขยายทำเป็นห้องอยู่อาศัย ได้แจ้งให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยไม่ยอมรื้อ ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนทำกันสาดให้คงสภาพเดิม และเรียกค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกนางมาลี ปกัมพล เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามที่โจทก์ขอ
จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่ดินกับโรงแรมเป็นของจำเลยร่วม สามีของจำเลยไม่เคยขออนุญาตใช้กันสาดจากโจทก์ โรงแรมของจำเลยสร้างมา ๕๐ ปีเศษแล้ว โดยมีกันสาดอยู่แล้ว จำเลยร่วมได้กรรมสิทธิ์โรงแรมนี้เมื่อ ๑๕-๑๖ ปีมานี้ จึงสร้างห้องน้ำขึ้น และได้ครอบครองมาเกิน ๑๐ ปีแล้ว กันสาดเป็นส่วนควบของโรงแรมซึ่งจำเลยร่วมได้กรรมสิทธิ์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และคดีของโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยรื้อถอนกำแพงฝาและสิ่งรุกล้ำในเขตที่ดินของโจทก์ออกไป
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์และจำเลยร่วมมีที่ดินอยู่ติดต่อกันในที่ดินของโจทก์มีร้านค้าของของโจทก์ปลูกอยู่ในที่ดินของจำเลยร่วมมีโรงแรมของจำเลยร่วมปลูกอยู่เดิมที่ดินและอาคารของโจทก์จำเลยร่วมเป็นของบุคคลอื่น โดยพี่สาวโจทก์เป็นผู้ซื้อแล้วยกให้โจทก์ โจทก์ครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมาจนบัดนี้ส่วนจำเลยร่วมซื้อที่ดินและอาคารจากบุคคลอื่นแล้วก็ครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมาจนบัดนี้เช่นเดียวกัน ห้องน้ำบนกันสาดรายพิพาทตั้งอยู่ในเขตกรรมสิทธิ์โฉนดของโจทก์
ในปัญหาที่ว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้จำเลยรื้อห้องน้ำบนกันสาดรายพิพาทได้หรือไม่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยคำพยานโจทก์จำเลยแล้วเชื่อว่า จำเลยสร้างห้องน้ำบนกันสาดรายพิพาทโดยมิได้ขออนุญาตต่อฝ่ายโจทก์ และวินิจฉัยว่ากันสาดรายพิพาทเป็นส่วนควบของโรงแรม จำเลยร่วมได้ใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์เฉพาะที่กันสาดรุกล้ำเข้าไปนั้น สืบต่อจากเจ้าของเดิม การที่จำเลยร่วมสร้างห้องน้ำบนกันสาดรายพิพาทโดยมิได้ขออนุญาตต่อผู้ใด โดยถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยร่วมนั้น ถือได้ว่าจำเลยร่วมสร้างขึ้นโดยสุจริตย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๑๒ และข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่าจำเลยร่วมใช้สิทธิโดยอำนาจปรปักษ์มาเกินกว่า ๑๐ ปีแล้ว กันสาดและห้องน้ำรายพิพาทจึงตกอยู่ในภารจำยอม โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้อง ขอให้จำเลยรื้อห้องน้ำบนกันสาดรายพิพาท
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share