คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2060/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงกันให้ถือเอาพยานหลักฐานต่าง ๆ ในคดีอาญาอีกเรื่องหนึ่งมาเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ โดยโจทก์ไม่ขอสืบพยานอื่นอีกจนศาลได้พิพากษาไปแล้วนั้น จำเลยที่ 2 ซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาจะโต้แย้งว่าข้อตกลงและคำพิพากษา ไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 ไม่ได้ เพราะโจทก์มีสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานใด ๆ มาสืบได้ ไม่จำต้องสืบพยานบุคคลเสมอไป และการนี้โจทก์ขอถือเอาพยานหลักฐานต่าง ๆ ในคดีอาญาเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้สืบพยานแล้วใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาชี้ขาดคดีได้
จำเลยให้การว่า จำเลยออกเช็คให้กับผู้มีชื่อเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว โจทก์กระทำการโดยไม่สุจริต ลงวันที่ในเช็คเองโดยจำเลยมิได้ยินยอม ถือว่าโจทก์มีเช็คไว้ครอบครองโดยมิชอบ จึงเป็นผู้ทรงโดยมิชอบคำให้การเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นการยกอายุความขึ้นต่อสู้ เมื่อจำเลยมิได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น จะยกขึ้นต่อสู้ในชั้นฎีกาไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาท แล้วออกเช็คลงวันที่ล่วงหน้าเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้โจทก์ไว้โดยมีจำเลยที่ ๒ สลักหลังเป็นประกัน เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์เรียกเก็บเงินไม่ได้ จึงร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีอาญากับจำเลยที่ ๑ ศาลพิพากษายกฟ้องในข้อกฎหมายว่าจำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค แต่จำเลยทั้งสองยังต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คให้โจทก์จึงขอให้บังคับจำเลยทั้งสองใช้เงิน ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การ และขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า ไม่เคยกู้เงินโจทก์ เช็คพิพาทจำเลยที่ ๑ ออกให้กับนายโยกินเดอร์ซิงห์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๘ โดยมิได้ลงวันที่ออกเช็คไว้ และได้ชำระเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่นายโยกินเดอร์ซิงห์ไม่คืนเช็คให้อ้างว่าหาย เช็คฉบับนี้ออกให้เป็นเวลาเกินกว่า ๕ ปีแล้ว โจทก์ลงวันที่เอาเองโดยจำเลยไม่ยินยอมโจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยมิชอบ และใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์ไป ๑๐,๐๐๐ บาทแล้วออกเช็คสั่งจ่ายเงินให้โจทก์โดยมีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้สลักหลังพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวนนี้พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๒ ทราบนัดแล้วไม่มาศาล ศาลสั่งว่าจำเลยที่ ๒ ขาดนัดพิจารณา และในวันนั้นเองโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ได้ตกลงกันขอให้ถือเอาพยานหลักฐานต่าง ๆ ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๗๗๕/๒๕๑๔ ของศาลจังหวัดขอนแก่นเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้โดยโจทก์ไม่แถลงขอสืบพยาน จึงเป็นอันเสร็จการสืบพยานโจทก์ ที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่าโจทก์ไม่มีพยานบุคคลมาสืบและพยานเอกสารดังกล่าวใช้ยันจำเลยที่ ๒ ไม่ได้ เพราะจำเลยที่ ๒ มิได้ตกลงด้วยและศาลชั้นต้นไม่เปิดโอกาสให้จำเลยที่ ๒ สืบพยานแก้คดีเป็นการไม่ชอบนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะโจทก์มีสิทธินำพยานหลักฐานใด ๆ มาสืบได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๘๕ ไม่จำต้องนำพยานบุคคลนำสืบเสมอไป การที่โจทก์ขอถือเอาพยานหลักฐานในคดีอาญาดังกล่าวมาเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ถือว่าโจทก์ได้สืบพยานของตนแล้ว และเมื่อจำเลยที่ ๒ ไม่มาศาลจนกระทั่งโจทก์สืบพยานเสร็จเช่นนี้ จะว่าศาลไม่เปิดโอกาสให้สืบพยานแก้คดีไม่ได้
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า เช็คพิพาทได้ออกมาก่อนวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๑๓ จึงขาดอายุความ เพราะโจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๑๔ เกิน ๑ ปี แล้วนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยมิได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นการที่จำเลยอ้างว่าได้ออกเช็คให้กับนายโยกินเดอร์ซิงห์เป็นเวลากว่า ๕ ปีแล้วเป็นเพียงการอ้างเหตุแสดงว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบเท่านั้น เมื่อจำเลยมิได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นจะยกขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙
พิพากษายืน

Share