แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำว่า เจ้าสำนักโรงแรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 674,675 หมายถึงเจ้าของกิจการโรงแรม ผู้ถือกรรมสิทธิ์เก็บผลประโยชน์รายได้จากกิจการโรงแรม หาใช่บุคคลผู้ควบคุมและจัดการโรงแรมซึ่งเป็นตัวแทนไม่ โจทก์เข้าพักในโรงแรมของจำเลยที่ 1 เมื่อรถยนต์ที่โจทก์นำเข้าไปจอดที่ลาดจอดรถของโรงแรมหายไป โจทก์ได้แจ้งต่อผู้จัดการโรงแรมทันที ที่ทราบเหตุการณ์ ย่อมถือได้ว่า โจทก์แจ้งเหตุที่รถยนต์หายแก่เจ้าสำนักโรงแรมทันทีแล้ว จำเลยที่ 1 จะอ้างให้ตนพ้นจากความรับผิดหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการโรงแรมชื่อสีหราช โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างดำรงตำแหน่งผู้จัดการโรงแรมเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2532 โจทก์เข้าพักที่โรงแรมดังกล่าว และได้นำรถยนต์ปิกอัพของโจทก์ที่เช่าซื้อมาเข้าจอดที่ลาดจอดรถของโรงแรม วันต่อมารถคันดังกล่าวหายไปโจทก์ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่โรงแรมและจำเลยที่ 2 ทราบแล้วและทวงถามจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันรับผิดชำระค่าเสียหายเท่ากับราคารถที่เช่าซื้อจำนวน 198,000 บาท จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 198,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองมิได้เป็นเจ้าสำนักโรงแรมรถคันดังกล่าวจะสูญหายไปหรือไม่ จำเลยทั้งสองไม่ทราบ หากสูญหายไปโจทก์ก็มิได้แจ้งเหตุต่อจำเลยทั้งสองหรือเจ้าสำนักโรงแรมหรือตัวแทนให้ทราบทันที จำเลยทั้งสองและเจ้าสำนักโรงแรมจึงหลุดพ้นจากความรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษา ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 150,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่ถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งได้นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์เข้าพักที่โรงแรมสีหราชของจำเลยที่ 1โดยขับรถยนต์ปิกอัพมาจอดไว้ที่ลานจอดรถของโรงแรมดังกล่าววันรุ่งขึ้น รถยนต์คันดังกล่าวได้หายไป คดีมีปัญหาในชั้นฎีกาประการแรกว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าสำนักโรงแรมหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงแรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 และมาตรา 675 วรรคแรก ดังนั้นคำว่าเจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ลตามมาตราดังกล่าวย่อมหมายถึงเจ้าของกิจการโรงแรม ผู้ถือกรรมสิทธิ์เก็บผลประโยชน์รายได้จากกิจการโรงแรมหาใช้บุคคลผู้ควบคุมและจัดการโรงแรมซึ่งเป็นตัวแทนไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกิจการโรงแรมสีหราช จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดในการที่รถยนต์ปิกอัพของโจทก์ผู้พักในโรงแรมสีหราชสูญหายไปจากลานจอดรถของโรงแรมมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่าเมื่อรถของโจทก์หายไปแล้ว โจทก์ไม่ได้แจ้งต่อเจ้าสำนักโรงแรมทันที จำเลยที่ 1 จึงหลุดพ้นจากความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 676 หรือไม่ ปัญหานี้ศาลฎีกา เห็นว่า เมื่อรถหายไปโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการของโรงแรมสีหราชทราบทันทีที่ทราบเหตุการณ์ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้แจ้งเหตุที่รถหายแก่เจ้าสำนักโรงแรมทันทีแล้ว จำเลยที่ 1 จะอ้างให้ตนพ้นความผิดหาได้ไม่
พิพากษายืน