คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เนื้อหาในฎีกาของจำเลยที่ 1 ล้วนเป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นทั้งสิ้น โดยคำฎีกาในส่วนนี้คัดข้อความมาจากคำอุทธรณ์ทั้งหมด แม้คำขอท้ายฎีกาจะเป็นการขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่ฎีกาของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวก็เป็นการโต้แย้งคัดค้านเฉพาะคำพิพากษาศาลชั้นต้น มิได้โต้แย้งคัดค้านว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ชอบอย่างไร โดยไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพราะเหตุใด ทั้ง ๆ ที่คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์อ้างเหตุคนละอย่างกับเหตุที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย จึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ อันเป็นการไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 216

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 92, 335, 357 ให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคารถจักรยานยนต์จำนวน 30,000 บาท แก่ผู้เสียหาย เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 และนับโทษจำเลยทั้งสองต่อจากโทษในคดีดังกล่าว
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 1 รับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษมาแล้วจริงตามฟ้อง และจำเลยทั้งสองรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อทั้งสามคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคสอง ลงโทษจำคุก 6 ปี เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 หนึ่งในสาม เป็นจำคุก 8 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 5 ปี 4เดือน นับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลข แดงที่ 3361/2544 ของศาลชั้นต้น ส่วนคำขอให้นับโทษต่อของจำเลยที่ 1 นอกจากนี้ให้ยก ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ในข้อหาลักทรัพย์ และยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลขที่ 2
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 กล่าวถึงคำฟ้องโจทก์ คำพิพากษาศาลชั้นต้น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จากนั้นเริ่มเนื้อเหตุผลของฎีกาทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายและลงท้ายว่าด้วยเหตุผลดังที่ได้กราบเรียนมาข้างต้น ของศาลฎีกาได้โปรดพิจารณาพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ โดยพิพากษายกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยที่ 1 พ้นข้อกล่าวหา ซึ่งเมื่อพิเคราะห์ข้อความ เนื้อหาในฎีกาที่เป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลแล้ว ล้วนเป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นทั้งสิ้น โดยคำฎีกาในส่วนนี้คัดข้อความมาจากคำอุทธรณ์ทั้งหมด แม้คำขอท้ายฎีกาจะเป็นการขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่ฎีกาของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวเป็นการโต้แย้งคัดค้านเฉพาะคำพิพากษาศาลชั้นต้น มิได้โต้แย้งคัดค้านว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ชอบอย่างไร โดยไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพราะเหตุใด ทั้ง ๆ ที่คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์อ้างเหตุคนละอย่างกับเหตุที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย จึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ อันเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 ไว้ ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 1

Share