คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472-1473/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องอุทธรณ์หรือฟ้องฎีกาจะต้องตั้งประเด็นตามมาตรา 225 และต้องแสดงเหตุผลประกอบตามมาตรา 172 ป.ม.วิ.แพ่ง
ศาลชั้นต้นสืบพะยานของ ป.สองปากแล้วสั่งงดสืบพะยานของ ป. และพิพากษาให้ ป.แพ้คดี ป.ยื่นอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานไม่ชอบ และว่าพะยานหลักฐานของ ป.เท่าที่สืบมาแล้วควรฟังได้ เพราะเหตุใด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เรื่องงดสืบพะยาน แล้วพิพากษาให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานต่อไปและพิพากษาใหม่ศาลชั้นต้นสืบพะยานแล้วพิพากษาให้ ป.แพ้คดีตามเดิม ป.ยื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 2 บรรยาย การดำเนินคดีมาตั้งแต่ต้นและกล่าวว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นคลาดเคลื่อนต่อเหตุผลและข้อกฎหมายดังที่ ป.ได้ยกเป็นองค์อุทธรณ์ ในคำฟ้องอุทธรณ์เดิมแล้วขอศาลอุทธรณ์ได้ถือเอาคำฟ้องอุทธรณ์ฉะบับเดิมของ ป.มาเป็นองค์อุทธรณ์ในชั้นนี้ทุกประการด้วย ดังนี้เห็นได้ว่า คำฟ้องอุทธรณ์ใหม่ของ ป.ต่อเนื่องมาจากคำฟ้องอุทธรณ์เดิม ไม่ได้อ้างถึงถ้อยคำอื่นในสำนวนเช่นคำแถลงการณ์เป็นต้น แต่ต้องอ้างถึงคำฟ้องอุทธรณ์ด้วยกันและต่อเนื่องกัน จึงเป็นอุทธรณ์ที่ใช้ได้ตามกฎหมาย

ย่อยาว

คดี ๒ สำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณารวมกัน สำนวนแรกโจทก์ฟ้องหาว่า นายเปี่ยงจำเลยได้เช่านาของโจทก์ ๔ ปี บัดนี้ครบกำหนดแล้วไม่ยอมคืน ขอให้ศาลบังคับให้คืน และห้ามไม่ให้จำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องในที่นารายนี้ สำนวนที่ ๒ โจทก์ฟ้องหานายออนเป็นจำเลยว่าได้ให้นายออนอาศัยช่วยทำนาในที่แปลงนี้ แล้วโจทก์ได้บอกล่วงหน้าให้นายออนทราบว่า ไม่รับให้เข้ามาอาศัยทำนาเหมือนปีก่อน ๆ นายออนก็ยังเข้ามาแย่งหรือรบกวนเข้าทำนารายนี้อีก จึงขอให้ศาลแสดงว่า นายเปี่ยงโจทก์ได้สิทธิครอบครองเป็นเจ้าของ ขอให้ขับไล่นายออน ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ ศาลชั้นต้นทำการสืบพะยานต่อไปแล้วพิพากษาให้คงเป็นไปตามเดิม ศาลอุทธรณ์เห็นว่า อุทธรณ์ของนายเปี่ยงไม่ได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายมาให้ชัดแจ้ง จึงไม่เป็นอุทธรณ์ที่สมบูรณ์ ที่นายเปี่ยงขอให้ถืออุทธรณ์แต่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสียเดิมแล้ว อุทธรณ์ฉะบับนี้จึงเป็นอันสิ้นสุด ให้ยกอุทธรณ์นายเปี่ยงเสีย
นายเปี่ยงฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า บทบัญญัติอันว่าด้วยฟ้องอุทธรณ์ใน ป.ม.วิ.แพ่งนั้นมีไว้ในมาตรา ๑(๓) มาตรา ๖๗,๑๗๒ และ มาตรา ๒๒๕ และโดยที่มาตรา ๒๒๕ บัญญัติว่า ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายใด ผู้อุทธรณ์ประสงค์จะยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์จะต้องว่ากล่าวไว้แจ้งชัดในอุทธรณ์และมาตรา ๑๗๒ ว่า คำฟ้องต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น แต่สำหรับคดีนี้ปรากฎว่านายเปี่ยงได้ยื่นฟ้องอุทธรณ์แล้วครั้งหนึ่ง ตั้งข้ออุทธรณ์ว่าตามคำพะยานหลักฐานควรฟังว่านายเปี่ยงซื้อนารายพิพาทจากนายพรหม
มาแล้วไม่ใช่เช่า เมื่อนายพรหมมาไม่มีหนังสือสัญญาเช่ามาแสดง ก็ควรฟังตามข้อตัดฟ้องของนายเปี่ยง ศาลชั้นต้นไม่ชอบที่จะสั่งงดไม่สืบพะยานนายเปี่ยง นอกจากนี้นายเปี่ยงได้กล่าวไว้ในคำฟ้องอุทธรณ์ว่า พะยานหลักฐานของนายเปี่ยงเท่าที่ได้สืบมาแล้ว ควรฟังได้เพราะเหตุใด
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่ข้องดสืบพะยานแล้วพิพากษาให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานใหม่ต่อไปและพิพากษาใหม่ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาครั้งที่สองนี้แล้ว นายเปี่ยงได้ยื่นอุทธรณ์บรรยายการดำเนินคดีนี้แต่ต้นมาจนถึงว่าตนได้อุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ บัดนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วคงพิพากษาตามเดิม นายเปี่ยงเห็นว่ายังคลาดเคลื่อนจากเหตุผลและข้อกฎหมายหลายประการ จึงขอยื่นฟ้องอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ อันมีข้อความตามคำฟ้องอุทธรณ์ของนายเปี่ยงฉะบับเดิมทุกประการ ขอศาลอุทธรณ์ได้โปรดสือเอาคำฟ้องอุทธรณ์ของนายเปี่ยงฉะบับเดิมที่กล่าวแล้วมาเป็นองค์อุทธรณ์ในชั้นนี้ทุกประการด้วย ดังนี้ จะเห็นได้ว่าคำฟ้องอุทธรณ์ใหม่ของนายเปี่ยงต่อเนื่องมาจากคำฟ้องอุทธรณ์เดิมของนายเนื่องนั่นเอง นายเปี่ยงไม่ได้อ้างถึงถ้อยคำอื่นในสำนวนเช่นคำแถลงการณ์เป็นต้น แต่อ้างถึงถ้อยคำซึ่งเป็นคำฟ้องอุทธรณ์ด้วยกันและต่อเนื่องกัน ศาลฎีกาเห็นว่าคำฟ้องอุทธรณ์ของนายเปี่ยงนี้ใช้ได้ตามกฎหมายแล้ว
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลอุทธรณ์ดำเนินการพิจารณาใหม่ต่อไปตามรูปคดี

Share