คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกมีศาสตราวุธครบมือทุกคน กลุ้มรุมกันใช้ไม้ตีและหอกแทงผู้ตาย ถึงแก่ความตาย เข้าใจได้ว่าจำเลยกับพวกร่วมมือกันทำร้ายผู้ตาย โจทก์ไม่จำต้องอ้าง ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา 63.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อคืนวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๔๙๑ จำเลยกับพวกที่หลบหนีอีก ๒ คนได้บังอาจมีหอก และไม้เป็นศาสตราวุธครบมือทุกคนกลุ้มรุมกันใช้ไม้ตี และใช้หอกแทงทำร้ายร่างกาย ช. หลายทีบาดเจ็บสาหัส โดยมีเจตนาจะฆ่าให้ตาย ช.ตายเพราะบาดแผลที่ถูกทำร้ายในวันต่อมาอีก ๒ วัน
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยสมคบกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำคุกจำเลยคนละ ๒๐ ปีตามมาตรา ๒๔๙
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ไม่ได้กล่าวว่าสมคบกันทำร้ายและไม่ได้อ้างมาตรา ๖๓ ฐานเป็นตัวการด้วยกัน ลงโทษฐานสมคบไม่ได้ ควรเอาผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บไม่สาหัส พิพากษาแก้ไขให้จำคุกคนละ ๑ ปี ตามมาตรา ๒๕๔ และอ้างคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๘๘/๒๔๗๔.
คู่ความฎีกา,
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยกับพวกได้ช่วยกันกลุ้มรุมทำร้ายผู้ตายถึงแก่ความตายจริง เพราะบาดแผลที่ถูกจำเลยกับพวกทำร้ายจริง และเห็นว่า ที่โจทก์กล่าวฟ้องคดีนี้ว่า จำเลยกับพวกกลุ้มรุมกันใช้ไม้ตี และหอกแทงนายชิตถึงแก่ความตาย เพียงเท่านี้ก็พอ โจทก์ไม่จำต้องอ้าง ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๖๓ ก็เข้าใจได้ตามฟ้องว่าจำเลยกับพวกสมคบกันทำร้ายนายชิต ฎีกาที่ ๑๘๘/๒๔๗๔ ที่ศาลอุทธรณ์อ้าง รูปเรื่องไม่เหมือนกับคดีนี้ ฎีกาฉะบับก่อนไม่ได้กล่าวว่าจำเลยใช้มีดพยายามทำร้าย แต่คดีแสดงชัดว่า จำเลยหรือพวกที่มีไม้ใช้ตี ที่มีหอกใช้แทง แสดงว่าจำเลยร่วมใจกันมาทำร้ายผู้ตาย
พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้น

Share