คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1412/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ที่ขอให้ส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดีขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เป็นคำสั่งก่อนศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพ.ศ.2539 มาตรา 38 ประกอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 226

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ในฐานะผู้ค้ำประกันและจำเลยที่ 5 ถึงที่ 10ในฐานะผู้จำนองตามที่บริษัทแอดวานซ์ไดแคสติ้งเซอร์วิส จำกัด ในฐานะลูกหนี้ชั้นต้นเป็นหนีธนาคารมหานคร จำกัด (มหาชน) ตามสัญญาทรัสต์รีซีท 7 ฉบับตามเอกสารท้ายฟ้องเพื่อให้ร่วมกันชำระเงิน จำนวน9,932,969.88 บาท ซึ่งเกี่ยวกับหนี้ดังกล่าวนั้น เดิมธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้รับโอนกิจการ สินทรัพย์ หนี้สินและสิทธิเรียกร้องของธนาคารมหานคร จำกัด (มหาชน) ไปทั้งหมด และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้โอนสิทธิเรียกร้องที่มีต่อจำเลยทั้งสิบและบริษัทแอดวานซ์ไดแคสติ้งเซอร์วิส จำกัด ให้แก่โจทก์ ต่อมาวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2544 บริษัทแอดวานซ์แคสติ้งเซอร์วิส จำกัด ยื่นคำร้องฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางและเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2545 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของบริษัทดังกล่าวแล้ว
จำเลยทั้งสิบให้การต่อสู้คดีหลายประการ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง บริษัทบริหารทรัพย์สินทรัพย์ไทย ขอเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาต
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ยื่นคำร้องขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 264 ประกอบมาตรา 6
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่ส่งข้อโต้แย้งของจำเลยทั้งหกไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง คำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ยกคำร้องของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ที่ขอให้ส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดีขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เป็นคำสั่งก่อนศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคคดี จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 38 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 มาจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดให้แก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6

Share