แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีที่โจทก์จำเลยทำไว้ต่อกัน มีข้อความที่เกี่ยวกับหลักประกันว่าให้โจทก์จำนองที่ดินโฉนดรายพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันและให้จำเลยยึดถือโฉนดดังกล่าวไว้เป็นหลักประกันจนกว่าจะได้รับชำระหนี้แล้วโดยสิ้นเชิงเมื่อโจทก์ยังเป็นหนี้จำเลยมากกว่าที่โจทก์จะชำระให้แก่จำเลยจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่รับชำระหนี้และยึดถือโฉนดไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้นได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาเบิกเงินบัญชีฯ กับธนาคารจำเลยและมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 38496 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร พร้อมกับทำใบมอบอำนาจให้พนักงานของจำเลยไปจดทะเบียนจำนอง เพื่อประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีดังกล่าวแต่จำเลยไม่ได้จดทะเบียนจำนองที่ดินนั้น ต่อมาโจทก์ได้ขอชำระหนี้ที่ค้าง 15,000 บาท จำเลยไม่ยอมรับ อ้างว่าโจทก์เป็นหนี้จำเลยจำนวน 200,000 บาทเศษ โจทก์จึงบอกเลิกการมอบอำนาจการจดทะเบียนจำนองและให้จำเลยส่งมอบโฉนดกับหนังสือมอบอำนาจคืน จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับให้จำเลยคืนโฉนดและรับเงินจำนวนดังกล่าว
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ยังเป็นหนี้จำเลยอยู่ 557,071.50 บาท จำเลยทวงถามแล้ว โจทก์เพิกเฉย จำเลยจึงมีสิทธิยึดหน่วงโฉนด และไม่มีหน้าที่รับชำระเงินจากโจทก์ตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันส่งมอบโฉนดตามฟ้องแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้เปิดบัญชีกระแสรายวันและทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับจำเลยที่ 1 แล้วมอบโฉนดรายพิพาทพร้อมด้วยใบมอบอำนาจที่ลงลายมือชื่อโจทก์ แต่มิได้กรอกข้อความให้พนักงานของจำเลยที่ 1 ไว้ เพื่อทำสัญญาจำนองโฉนดรายพิพาทเป็นประกันหนี้แทน จนกว่าจำเลยที่ 1 จะได้รับชำระหนี้สิ้นเชิง เมื่อสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีครั้งแรกครบกำหนดได้มีการต่อสัญญาออกไปอีกหลายครั้งและมีการเพิ่มวงเงินตามสัญญาครั้งสุดท้ายจำนวนเงิน 200,000 บาท เอกสารหมาย จ.19 ด้วย โจทก์ได้เบิกเงินและนำเงินเข้าบัญชีหักทอนกันเรื่อยมา ครั้นเมื่อหักทอนบัญชีกันครั้งสุดท้ายในเดือนมีนาคม 2522 โจทก์เป็นหนี้จำเลยที่ 1 อยู่ถึง 500,000 บาทเศษ หลังจากนั้นไม่มีการหักทอนบัญชีกันเลยจนถึงขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้ และจำเลยที่ 1 เป็นผู้ยึดถือโฉนดรายพิพาทกับใบมอบอำนาจที่โจทก์ให้ไว้ยังมิได้นำไปจดทะเบียนจำนองตามที่ตกลงกันและวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีที่โจทก์ จำเลยที่ 1 ทำไว้ต่อกันทุกฉบับรวมทั้งฉบับสุดท้าย มีข้อความที่เกี่ยวกับหลักประกันอย่างเดียวกัน โดยตกลงกันให้โจทก์จำนองที่ดินโฉนดรายพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันและให้จำเลยที่ 1 ยึดถือโฉนดดังกล่าวไว้เป็นประกันจนกว่าจะได้รับชำระหนี้แล้วโดยสิ้นเชิง ดังนั้น เมื่อโจทก์ยังเป็นหนี้จำเลยที่ 1 มากกว่าที่ตนเสนอจะชำระให้แก่จำเลยที่ 1 เช่นนี้ จำเลยทั้งสามย่อมมีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่รับชำระหนี้และยึดถือโฉนดไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้นได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์