คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การชำระค่าเช่า จำเลยได้ส่งให้แก่บุคคลที่ 3 เป็นกิจวัตรตลอดมาโจทก์หรือภรรยาโจทก์มารับเอาไปจากบุคคลที่ 3 เป็นคราวๆ ไป ดังนี้ กรณีเป็นที่ประจักษ์ว่า แม้จะไม่ได้มีการตกลงกันโดยชัดแจ้งในการชำระหนี้ค่าเช่านี้ก็ดี แต่กริยาอาการที่เจ้าหนี้และลูกหนี้ได้ปฏิบัติต่อกันจนเป็นปกติกิจนั้น ย่อมแสดงได้ว่าโจทก์และจำเลยได้ตกลงกันโดยปริยายถึงวิธีการชำระหนี้ให้เป็นไปตามวิถีนั้น เมื่อโจทก์ไม่ไปรับค่าเช่าจากบุคคลที่ 3 นั้นเองเช่นที่เคยปฏิบัติมาแล้ว จะถือว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้เช่าตึกแถวของโจทก์ประกอบการค้าสิ่งของต่าง ๆ โดยมิได้ทำสัญญาเช่าต่อกัน จำเลยไม่ดูแลรักษาตึกที่เช่าปล่อยให้ชำรุดทรุดโทรมมาก ทั้งยังผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าตลอดมาเป็นเวลา 10 เดือนเศษ โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแล้ว จำเลยไม่ยอมออกจึงขอให้ขับไล่ จำเลยให้การว่าเช่าอยู่จริงเพื่ออยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ และจำเลยเคยซ่อมแซมตึกรายนี้มิได้ปล่อยให้ทรุดโทรมและไม่ได้ผิดนัดชำระค่าเช่า ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยได้อาศัยอยู่ในตึกที่เช่ารายนี้ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2489 พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์เพียงข้อเดียวในเรื่องค่าเช่าศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยไม่เป็นฝ่ายผิดนัดไม่ชำระเงินค่าเช่า พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่ศาลล่างฟังมาว่า การชำระค่าเช่าตึกรายพิพาทนี้บิดาจำเลยและจำเลยได้ส่งให้แก่หลวงอรรถไกรวัลวทีเป็นกิจวัตรตลอดมา แล้วตัวโจทก์หรือภรรยาโจทก์มารับเอาไปจากหลวงอรรถไกรวัลวทีเป็นคราว ๆ ไป ดังนี้กรณีจึงเป็นที่ประจักษ์ว่า แม้จะไม่ได้มีการตกลงโดยชัดแจ้งในการชำระหนี้ค่าเช่านี้ก็ดี แต่กิริยาอาการที่เจ้าหนี้ลูกหนี้ปฏิบัติต่อกันจนเป็นปกติกิจนั้น ย่อมแสดงได้ว่า โจทก์และจำเลยได้ตกลงกันโดยปริยายถึงวิธีการชำระหนี้ให้เป็นไปตามวิถีนั้น

พิพากษายืน

Share