คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9407/2546

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

กรณีที่คู่ความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคหนึ่ง เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นต้องส่งคำร้องไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาสั่งโดยไม่ชักช้า โดยศาลชั้นต้นไม่มีหน้าที่จะตรวจสั่งไม่รับคำร้องเช่นว่านั้นเหมือนอย่างชั้นสั่งรับหรือไม่รับอุทธรณ์ตามมาตรา 232 ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 1 ที่ยื่นเกินกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 234 เสียเอง โดยไม่ได้ส่งไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิจารณาสั่งจึงไม่ถูกต้อง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวน1,774,500 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 1,680,000 บาทนับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การต่อสู้คดีขอให้ยกฟ้องพร้อมกับยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 3พฤษภาคม 2545 ว่า คดีเรื่องเดียวกันนี้จำเลยที่ 1 ได้ยื่นฟ้องโจทก์เป็นจำเลยต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2544 ก่อนที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ซึ่งมีประเด็นข้อพิพาทเดียวกันจึงควรให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาชี้ขาดประเด็นข้อพิพาทนี้ก่อน ขอให้มีคำสั่งจำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย ส่วนคดีที่จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ต่อศาลปกครองกลางเป็นเรื่องขอให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองจึงมิใช่คดีที่มีประเด็นข้อพิพาทเดียวกัน ให้ยกคำร้อง ค่าธรรมเนียมให้เป็นพับ

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2545 ว่า คำสั่งที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ไม่ใช่คำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี ทั้งคำสั่งดังกล่าวไม่ใช่คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 227 และ 228 จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(1) จึงไม่รับ

จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 21 มิถุนายน 2545 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์จำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2545 หากจำเลยที่ 1 จะอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต้องยื่นเสียภายใน 15 วันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์วันนี้ล่วงเลยระยะเวลาดังกล่าว จึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่งจำเลยที่ 1 คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์คำสั่งนี้

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2545 การที่จำเลยที่ 1 ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว จำเลยที่ 1 จะต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดหนึ่งเดือน หรือภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 เห็นว่า จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเนื่องจากจำเลยที่ 1 ได้ฟ้องโจทก์เรื่องเดียวกันนี้ต่อศาลปกครองกลาง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยที่ 1 ได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว เช่นนี้ ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจตรวจอุทธรณ์และมีคำสั่งให้ส่งหรือปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์นั้นไปยังศาลอุทธรณ์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 232 และเมื่อศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวกำหนดให้ผู้อุทธรณ์ต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 21 มิถุนายน 2545 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ย่อมต้องตกอยู่ภายในบังคับของมาตรา 234คือต้องยื่นภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจึงฟังไม่ขึ้น แต่กรณีที่คู่ความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์นั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นส่งคำร้องเช่นว่านี้ไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาสั่งโดยไม่ชักช้า ซึ่งคดีนี้ได้แก่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 โดยศาลชั้นต้นไม่มีหน้าที่จะตรวจสั่งไม่รับคำร้องเช่นว่านั้นเหมือนอย่างชั้นสั่งรับหรือไม่รับอุทธรณ์ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 232 ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 1 เสียเอง โดยไม่ได้ส่งไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิจารณาสั่งย่อมไม่ต้องด้วยบทบัญญัติดังกล่าว จึงให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรวินิจฉัยไปเสียทีเดียวโดยไม่ต้องให้ศาลชั้นต้นส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 เพื่อพิจารณาสั่งและเมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2545 การที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ในวันที่ 21 มิถุนายน 2545 ย่อมเกินกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ จึงไม่อาจรับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวไว้ได้ อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ”

Share