คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 94/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยตามสัญญากู้ จำเลยรับว่าได้ทำสัญญากู้ตามฟ้องไปจริงแต่เมื่อคิดจำนวนดอกเบี้ยซึ่งโจทก์เรียกเกินอัตราตามกฎหมายที่จำเลยได้ชำระโจทก์ไปแล้วยังเป็นจำนวนเกินกว่าต้นเงินกู้เสียอีก ขอให้เอามาหักกลบลบหนี้สิน โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกอีก ดังนี้ เท่ากับจำเลยให้การรับแล้วว่าจำเลยยังมิได้ชำระต้นเงินคืนให้โจทก์ โจทก์ไม่ต้องนำสืบในประเด็นข้อนี้อีก
การที่จำเลยตกลงชำระดอกเบี้ยเงินกู้เกินอัตราตามกฎหมายให้โจทก์ไปแล้วเท่ากับเป็นการชำระหนี้ตามอำเภอใจ โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีความผูกพันต้องชำระ จำเลยจึงหาสิทธิเรียกดอกเบี้ยจำนวนนี้คืนไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไป ๒๐,๐๐๐ บาท ครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ชำระ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้ต้นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป ๒๐,๐๐ บาท ตามเอกสารต้องฟ้องโจทก์จริง แต่โจทก์เรียกดอกเบี้ยจากจำเลยในอัตราร้อยละ ๒ บาทต่อเดือน ซึ่งเกินอัตราตามกฎหมาย จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์เดือนละ ๔๐๐ บาททุกเดือน จนถึงเดือนที่โจทก์ฟ้องเป็นเวลา ๘ ปี ๙ เดือน เป็นเงินดอกเบี้ยที่ชำระไปทั้งสิ้น ๔๒,๐๐๐ บาท ซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยตามกฎหมายได้เพียงร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี รวมเป็นเงินดอกเบี้ยที่โจทก์พึงจะได้รับจากจำเลยทั้งหมดเพียง ๑๓,๑๒๕ บาท โจทก์จึงเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราจากกฎหมายไป ๒๘,๘๗๕ บาท ซึ่งโจทก์ไม่มีสิทธิจะได้รับ เมื่อหักกับต้นเงินกู้ ๒๐,๐๐๐ บาท แล้วโจทก์ยังต้องคืนเงินให้จำเลยอีก ๘,๘๗๕ บาท
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยรับว่าได้กู้เงินโจทก์ไป ๒๐,๐๐๐ บาท จริงตามคำให้การ จำเลยไม่มีหลักฐานแสดงว่าได้ชำระต้นเงินคืนให้โจทก์แล้วดอกเบี้ยที่จำเลยอ้างว่าชำระให้โจทก์เกินกว่าอัตราตามกฎหมาย จำเลยก็เรียกส่วนที่ชำระเกินไปคืนไม่ได้ เพราะจำเลยชำระไปตามอำเภอใจ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๐๗ พิพากษาให้จำเลยใช้ต้นเงินให้โจทก์ ๒๐,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยอ้างว่าจำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์เกินไปมากกว่าต้นเงินเสียอีก ขอให้เอามาหักกลบลบหนี้กันนั้น คำให้การจำเลยมีความหมายรับว่าจำเลยยังไม่ได้ชำระต้นเงินคืนให้โจทก์นั่นเอง โจทก์จึงไม่ต้องนำสืบในประเด็นข้อนี้ ส่วนที่จำเลยฎีกาขอสืบว่าโจทก์ได้รับดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายและจำเลยมีสิทธิเรียกร้องเงินดอกเบี้ยส่วนที่ชำระเกินไปคืน แล้วขอหักกลบลบหนี้กันต้นเงินตามฟ้องโจทก์ เห็นว่า แม้หากคดีจะฟังได้ว่าจำเลยได้ชำระดอกเบี้ยให้โจทก์เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้จริงก็เป็นเรื่องที่จำเลยชำระหนี้ด้วยความสมัครใจเอง โดยจำเลยรู้ดีอยู่แล้วว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระตามนั้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับทรัพย์ส่วนนี้คืน ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๐๗ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีอะไรที่จำเลยจะนำไปหักกลบลบหนี้กับต้นเงินที่จำเลยยังไม่ได้ชำระ
พิพากษายืน

Share