คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2474

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อสัญญาเพิ่มเติมที่ติดกับสัญญาใหญ่นั้ต้องแปลรวมไปกับสัญญาใหญ่ด้วย สิทธิเลิกสัญญาเกี่ยวกับบุคคลภายนอก

ย่อยาว

จำเลยได้ทำสัญญาเช่าที่ดินในบริเวณสวนสนุกจากโจทก์ เพื่อปลูกร้านขายของ 80 ห้อง มีข้อความในสัญญารวม 11 ข้อ เมื่อเซ็นสัญญาเช่ากันแล้ว จำเลยขอทำสัญญากับโจทก์เพิ่มเติมขึ้นอีกข้อ 1 คือ ข้อ 12 มีใจความว่า “จำเลยมีสิทธิปลูกห้องแถวเพิ่มเติมขึ้นได้อีก แลยอมเสียค่าเช่าตามสัญญาข้อ 5 แลโจทก์จะไม่ยอมให้ผู้อื่นปลูกห้องเช่นเดียวกันขึ้นในสวนสนุกอีก” จำเลยได้ปลูกสร้างราว 200 ห้อง ตามสัญญาข้อ 3 แลข้อ 11 มีว่า เมื่อผู้เช่าได้ชำระค่าเช่าครบแล้วผู้เช่าจะรื้อถอนร้านที่ปลูกไปได้ต่อเมื่อสวนสนุกเลิกล้มหรือหมดอายุสัญญา ต่อมาจำเลยรื้อห้องที่ปลูกไปหลายสิบห้อง แต่ยังเหลืออยู่กว่า 80 ห้อง โจทก์จึงขอเลิกสัญญาให้จำเลยรื้อร้านที่ปลูกไปปัญหามีว่าสัญญาข้อ 12 นั้นจะรวมอยู่ในข้อบังคับแห่งสัญญา 11 ข้อด้วยหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาข้อ 12 นี้เป็นสัญญาเพิ่มจาก 11 ข้อจะแบ่งแยกจากกันไม่ได้ สิทธิแห่งการรื้อถอนห่องที่ปลูกเพิ่มเติมขึ้นก็ต้องปฏิบัติตามความที่จำกัดไว้ในข้อ 3 แลข้อ 11 คือเมื่อผู้เช่าได้ชำระค่าเช่าครบถ้วนแล้วผุ้เช่าจะรื้อสิ่งที่ปลูกสร้างไปได้ต่อเมื่อสวนสนุกได้เลิกล้มหรือสิ้นอายุสัญญาเช่า เพราะการแปลสัญญาข้อ 12 นี้ต้องเพ็งเล็งถึงเจตนาของคู่กรณีว่ามีประสงค์ผู้พันกันอย่างไร เมื่อจำเลยรื้อห้องแถวไปต้องถือว่าทำผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิเลิกสัญญาได้ จึงให้จำเลยรื้อสิ่งที่ผลูกสร้างของจำเลยไปจากสวนสนุก ส่วนคนที่เช่าห้องจากจำเลยนั้น เมื่อไม่ได้รับสิทธิจะอยู่ในห้องเช่าต่อไป ก็เป็นหน้าที่ของผู้นั้นจะว่ากล่าวกับจำเลยส่วนหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นการผิดต่อประมวลแพ่ง ม.391

Share