คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 938/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนี้ในมูลละเมิดที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยให้ล้มละลายศาลชั้นต้นได้พิพากษาเมื่อวันที่17พฤศจิกายน2521ให้จำเลยกับพวกอีกสองคนร่วมกันชดใช้เงินแก่โจทก์พวกจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ส่วนโจทก์และจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คดีเฉพาะตัวจำเลยย่อมถึงที่สุดตั้งแต่วันที่17ธันวาคม2521โจทก์ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยภายใน10ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา271การที่โจทก์มิได้ดำเนินการบังคับคดีจนพ้นกำหนด10ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาเช่นนี้หนี้ตามคำพิพากษาจึงเป็นหนี้ที่โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยอีกต่อไปดังนั้นโจทก์จึงไม่อาจนำหนี้ดังกล่าวมาฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้และไม่จำต้องวินิจฉัยว่าโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีภายใน10ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือไม่เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอให้ มี คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ จำเลย เด็ดขาด และ พิพากษาให้ จำเลย เป็น บุคคล ล้มละลาย
จำเลย ให้การ ว่า มูลหนี้ ที่ โจทก์ นำ มา ฟ้อง ศาลชั้นต้น มี คำพิพากษาให้ จำเลย กับพวก ร่วมกัน ชำระ เงิน แก่ โจทก์ เมื่อ วันที่ 17 พฤศจิกายน2521 จำเลย มิได้ ยื่น อุทธรณ์ และ ฎีกา คดี สำหรับ จำเลย จึง ถึงที่สุดโจทก์ สามารถ ดำเนินการ บังคับคดี ได้ ภายใน กำหนด 10 ปี นับแต่ คำพิพากษาศาลชั้นต้น ถึงที่สุด แต่ โจทก์ ไม่ได้ บังคับคดี ภายใน กำหนด จึง เป็นหนี้ ที่ ไม่สามารถ บังคับคดี จำเลย ได้ โจทก์ ไม่อาจ นำ หนี้ ดังกล่าวมา ฟ้อง จำเลย ให้ ล้มละลาย ได้ จึง ไม่มี อำนาจฟ้อง ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น มี คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ จำเลย เด็ดขาด ตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า เมื่อ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2521 ศาลชั้นต้นได้ พิพากษา ให้ จำเลย กับพวก อีก สอง คน ร่วมกัน รับผิด ใช้ เงิน แก่ โจทก์ใน มูลหนี้ ละเมิด เป็น เงิน 259,750 บาท พร้อม ดอกเบี้ย จำเลย ไม่ได้อุทธรณ์ ฎีกา พวก จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์ ฎีกา ศาลอุทธรณ์ และ ศาลฎีกาพิพากษายืน คู่ความ ได้ ทราบ คำพิพากษา ศาลฎีกา แล้ว เมื่อ วันที่2 ตุลาคม 2524 และ ศาลชั้นต้น ได้ ออกหมาย ตั้ง เจ้าพนักงาน บังคับคดีเพื่อ ยึดทรัพย์สิน ของ จำเลย ชำระหนี้ ตาม คำพิพากษา เมื่อ วันที่ 27สิงหาคม 2525 โจทก์ ได้ ดำเนินการ สืบหา ทรัพย์สิน ของ จำเลย แต่ ไม่ปรากฏว่า จำเลย มี ทรัพย์สิน ใด ๆ ที่ จะ ยึด มา ขายทอดตลาด ชำระหนี้ โจทก์ ได้โจทก์ จึง ฟ้อง ขอให้ จำเลย ล้มละลาย เมื่อ วันที่ 1 ตุลาคม 2534
ปัญหา มี ว่า โจทก์ มีสิทธิ ฟ้อง จำเลย ให้ ล้มละลาย ใน มูลหนี้ ละเมิดตาม คำพิพากษา ดังกล่าว หรือไม่ เห็นว่า หนี้ ใน มูลละเมิด ที่ โจทก์นำ มา ฟ้อง จำเลย ให้ ล้มละลาย ศาลชั้นต้น ได้ พิพากษา เมื่อ วันที่17 พฤศจิกายน 2521 ให้ จำเลย กับพวก อีก สอง คน ร่วมกัน ชดใช้ เงินแก่ โจทก์ จำนวน 259,750 บาท พร้อม ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปีนับแต่ วันฟ้อง และ ร่วมกัน ชดใช้ ค่าฤชาธรรมเนียม แทน โจทก์ โดย กำหนดค่า ทนายความ ให้ 8,000 บาท พวก จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์ ฎีกา ส่วน โจทก์และ จำเลย ไม่ได้ อุทธรณ์ ฎีกา คดี เฉพาะตัว จำเลย ย่อม ถึงที่สุด ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2521 โจทก์ ชอบ ที่ จะ ร้องขอ ให้ บังคับคดี แก่ จำเลยภายใน 10 ปี นับแต่ วัน มี คำพิพากษา ตาม ประมวล กฎหมาย วิธีพิจารณาความ แพ่ง มาตรา 271 การ ที่ โจทก์ มิได้ ดำเนินการ บังคับคดี จน พ้น กำหนด10 ปี นับแต่ วัน มี คำพิพากษา เช่นนี้ หนี้ ตาม คำพิพากษา จึง เป็น หนี้ที่ โจทก์ ไม่มี สิทธิ ที่ จะ บังคับคดี แก่ จำเลย อีก ต่อไป ดังนั้น โจทก์ จึงไม่อาจ นำ หนี้ ดังกล่าว มา ฟ้อง จำเลย ให้ ล้มละลาย ได้ และ ไม่จำต้องวินิจฉัย ว่า โจทก์ ได้ ร้องขอ ให้ บังคับคดี ภายใน 10 ปี นับแต่ วัน มีคำพิพากษา หรือไม่ เพราะ ไม่ทำ ให้ ผล ของ คดี เปลี่ยนแปลง ไป
พิพากษายืน

Share