แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติห้ามว่า เมื่อทนายความได้รับมอบอำนาจให้ดำเนินคดีใดแล้วจะทำหน้าที่เป็นทนายความในคดีนั้นอีกไม่ได้ฉะนั้นเมื่อโจทก์มอบอำนาจให้ ก. ฟ้องคดีแทน และโจทก์ได้แต่งตั้งก. ให้ทำหน้าที่เป็นทนายความของตนอีกฐานะหนึ่งด้วย ก. จึงสามารถดำเนินกระบวนพิจารณาและว่าความแทนโจทก์ในคดีนั้นได้ไม่ขัดต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 60 วรรค 2
พระราชบัญญัติ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 เป็นกฎหมายพิเศษที่บัญญัติไว้เพื่อกิจการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์โดยเฉพาะการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 เมื่อการซื้อขายหุ้นโจทก์ได้ทำตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงไม่ตกเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรคสอง และไม่ถือเป็นเรื่องการพนันหรือขันต่อ
โจทก์ซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ตามคำสั่งของจำเลย เมื่อมีการคิดบัญชีและหักกลบลบหนี้กันแล้ว จำเลยยังคงเป็นหนี้โจทก์อยู่ 397,457.71 บาท โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ จำเลยได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์ให้ชำระหนี้แล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ซึ่งมีระยะห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน จำเลยไม่ชำระหนี้ ต้องด้วยบทสันนิษฐานว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว โจทก์จึงฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ประกอบกิจการค้าประเภทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และเป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำเลยเป็นลูกค้าของโจทก์ได้ทำสัญญาเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัยพ์ และตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทนของจำเลยในการซื้อและขายหุ้นต่าง ๆ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อคิดหักถอนบัญชีกันจำเลยเป็นหนี้โจทก์ 397,457.71บาท ถึงกำหนดชำระแล้ว โจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระหลายครั้งมีระยะห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน จำเลยไม่ชำระ และจำเลยเป็นหนี้บริษัทอื่นอีก ไม่มีทางชำระหนี้ได้จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด และพิพากษาให้ล้มละลาย
จำเลยให้การว่า ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เป็นการมอบอำนาจเฉพาะการจึงไม่มีอำนาจเรียงคำฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายโจทก์กระทำการโดยปราศจากอำนาจไม่ปฎิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 โจทก์ไม่ได้รับโอนหุ้นที่ซื้อมาแต่รับโอนลอยมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1129 เป็นโมฆะ โจทก์กระทำผิดหน้าที่ตัวแทน กระทำไปโดยปราศจากอำนาจโดยทุจริตจึงต้องรับผิดเอง จำเลยไม่มีมูลหนี้ที่จะรับผิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและคดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ ค่าทนายความให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดตามจำนวนที่เห็นสมควร
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ 1,000 บาท โดยหักจากกองทรัพย์สินของจำเลย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายเกษมชัยโภคา ฟ้องคดีแทน นายเกษมทำหน้าที่เป็นทนายความดำเนินกระบวนพิจารณาด้วยขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 60 วรรค 2และขัดต่อความสงบเรียบร้อยนั้น เห็นว่า เมื่อโจทก์มอบอำนาจให้นายเกษม ชัยโภคา ฟ้องคดีแทน ตามหนังสือมอบอำนาจหมาย จ.2 และโจทก์ก็ได้แต่งให้นายเกษมทำหน้าที่เป็นทนายความของตนอีกฐานะหนึ่งด้วยดังปรากฎตามใบแต่งทนายความฉบับลงวันที่ 24 มีนาคม 2524 ในสำนวนอีกทั้งไม่มีกฎหมายใดบัญญัติห้ามว่า เมื่อทนายความได้รับมอบอำนาจให้ดำเนินคดีใดแล้ว จะทำหน้าที่เป็นทนายความในคดีนั้นอีกต่อไปไม่ได้ฉะนั้นการที่นายเกษมได้ว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนโจทก์มานั้นจึงเป็นการกระทำในฐานะทนายความโจทก์ด้วย ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 60 วรรค 2
ที่จำเลยฎีกาว่า หนี้ตามฟ้องที่โจทก์อ้างว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ไม่อยู่ในบังคับเรื่องเอกเทศสัญญาว่าด้วยการซื้อขายตามกฎหมาย ไม่ใช่การซื้อขายหุ้น เป็นเรื่องการพนันหรือขันต่อ และขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 453 มาตรา 1129 การซื้อขายหุ้นตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 จำเลยมิได้เป็นผู้กระทำการซื้อขาย จึงไม่อาจเกิดหนี้ผูกพันจำเลยได้ นั้นเห็นว่า เมื่อจำเลยตกลงตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทนเพื่อทำการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และจำเลยมิได้ให้การปฎิเสธในประเด็นข้อนี้ จึงต้องฟังว่าโจทก์เป็นตัวแทนของจำเลยเข้าทำการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแทนจำเลยพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 เป็นกฎหมายพิเศษที่บัญญัติไว้เพื่อกิจการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์โดยเฉพาะ การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 เมื่อการซื้อขายหุ้นโจทก์ได้กระทำตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงไม่ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรค 2 และไม่ถือเป็นเรื่องการพนันหรือขันต่อแต่อย่างใด โจทก์ได้ซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ตามคำสั่งของจำเลย เมื่อมีการคิดบัญชีและหักกลบลบหนี้กันแล้ว จำเลยยังคงเป็นหนี้โจทก์อยู่ 397,457.71 บาท โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ จำเลยได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์ให้ชำระหนี้แล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ซึ่งมีระยะห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน จำเลยไม่ชำระหนี้ ต้องด้วยบทสันนิษฐานว่า จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว โจทก์จึงฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยลูกหนี้เด็ดขาดชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาข้ออื่นของจำเลยไร้สาระจึงไม่จำต้องวินิจฉัย”
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 900 บาทแทนโจทก์โดยให้หักจากกองทรัพย์สินของจำเลย.