คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9377/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โทษของความผิดในคดีหลังที่จะนำมาบวกกับโทษในคดีก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรก นั้น จะต้องเป็นโทษของการกระทำภายในระยะเวลาระหว่างรอการลงโทษตามคดีก่อน และเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 67
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 67 จำคุก 1 ปีจำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ได้ความจากรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสุราษฎร์ธานีว่า จำเลยถูกศาลพิพากษาจำคุก 6 เดือน ข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองและรอการลงโทษไว้ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2728/2538 จำเลยมากระทำผิดคดีนี้ภายในเวลาที่ศาลรอการลงโทษ จึงให้บวกโทษที่รอไว้ในคดีดังกล่าวเข้ากับโทษคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 58 เป็นจำคุก 12 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอไม่ให้บวกโทษและให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ศาลล่างทั้งสองนำโทษของจำเลยที่รอการลงโทษในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 วรรคแรกบัญญัติว่า ผู้ใดกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุกและในคดีนั้นศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกินสองปี ถ้าไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับโทษจำคุกมาก่อน หรือปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อนแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษเมื่อศาลเห็นเป็นการสมควร ศาลจะพิพากษาว่าผู้นั้นมีความผิดแต่รอการกำหนดโทษไว้ หรือกำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้ แล้วปล่อยตัวไปเพื่อให้โอกาสผู้นั้นกลับตัวภายในระยะเวลาที่ศาลจะได้กำหนดแต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ศาลพิพากษา มาตรา 58 วรรคแรกบัญญัติว่าเมื่อความปรากฏแก่ศาลเอง หรือความปรากฏตามคำแถลงของโจทก์หรือเจ้าพนักงานว่าภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามมาตรา 56 ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาได้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษและศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้น ให้ศาลที่พิพากษาคดีหลังกำหนดโทษที่รอการกำหนดไว้ในคดีก่อนบวกเข้ากับโทษในคดีหลัง หรือบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลังแล้วแต่กรณี ตามบทบัญญัติดังกล่าวจะเห็นได้ว่าโทษที่รอไว้ในคดีก่อนอันจะนำมาบวกกับโทษในคดีหลังนั้นความผิดในคดีหลังจะต้องกระทำภายในระยะเวลาระหว่างรอการลงโทษตามที่คดีก่อนกำหนดไว้ คดีก่อนคือคดีอาญาหมายเลขแดงที่2728/2538 ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2538ให้จำคุกจำเลย 6 เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปีช่วงระยะเวลารอการลงโทษคือนับแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2538ซึ่งเป็นวันพิพากษาเป็นต้นไปมีกำหนด 2 ปี แต่คดีนี้จำเลยกระทำผิดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2538 ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2728/2538 การกระทำความผิดของจำเลยคดีหลังนี้ จึงมิใช่กระทำภายในเวลาที่ศาลรอการลงโทษตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรกจะนำโทษในคดีก่อนที่รอการลงโทษมาบวกเข้ากับคดีนี้ไม่ได้แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาปัญหาข้อนี้ แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ที่ศาลล่างทั้งสองนำโทษในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้นั้นเป็นการไม่ชอบ ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น คดีไม่จำต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อที่ว่า ศาลล่างทั้งสองนำโทษของจำเลยในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษคดีนี้เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือไม่ต่อไป”
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่นำโทษที่รอไว้ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2728/2538 ของศาลชั้นต้นมาบวกเข้ากับคดีนี้ คงจำคุก 6 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share