คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 937/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

องค์ประกอบความผิดในส่วนของผู้กระทำความผิดตามมาตรา 35 วรรคแรก คือ ผู้กระทำที่เปิดเผยข้อเท็จจริงใดเกี่ยวกับกิจการของผู้ควบคุมความลับทางการค้า จะต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ผู้กระทำได้มาหรือล่วงรู้เนื่องจากปฏิบัติการตาม พ.ร.บ. ความลับทางการค้า พ.ศ. 2545 ซึ่งผู้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งรัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติดังกล่าวแต่งตั้งให้ปฏิบัติราชการเท่านั้น ส่วนองค์ประกอบในส่วนของผู้กระทำความผิดตามมาตรา 35 วรรคสอง คือ ผู้กระทำที่ได้มาหรือล่วงรู้ข้อเท็จจริงใดจากผู้ปฏิบัติการตาม พ.ร.บ. ความลับทางการค้า พ.ศ. 2545 โดยได้มาหรือล่วงรู้เนื่องในการปฏิบัติราชการหรือการสอบสวน หรือการพิจารณาคดีแล้วเปิดเผยข้อเท็จจริงนั้น
ฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายข้อเท็จจริงให้ได้ความว่าจำเลยเป็นผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการตาม พ.ร.บ. ความลับทางการค้า พ.ศ. 2545 หรือจำเลยได้มาหรือล่วงรู้ข้อเท็จจริงจากผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการตาม พ.ร.บ. ความลับทางการค้า พ.ศ. 2545 อันเป็นองค์ประกอบความผิดในมาตรา 35 ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2547 ระหว่างเวลา 14 ถึง 17.30 นาฬิกา จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างโจทก์ในตำแหน่งผู้จัดการแผนกวางแผนและพัฒนาธุรกิจ มีหน้าที่ควบคุมดูแลงานด้านคอมพิวเตอร์และใช้เครื่องคอมพิวเตอร์รวบรวมข้อมูลลูกค้าของโจทก์ทั่วประเทศที่ซื้อหรือเช่าเครื่องถ่ายเอกสารและใช้บริการจากโจทก์ โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อและที่อยู่ของลูกค้า รวมทั้งสัญญาที่ได้ทำกับโจทก์ จำเลยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยใช้ทำงานจัดเก็บข้อมูลลูกค้าอยู่ส่งข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าของโจทก์ เช่น รายละเอียดลูกค้าเครื่องเช่าทั่วประเทศ และรายละเอียดลูกค้าเครื่องขายในเขตกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตนเองใช้งานอยู่ แล้วส่งข้อมูลต่อไปยังนายฐากูรด้วยวิธีการส่งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เช่นเดียวกัน โดยเจตนาเอาไปซึ่งข้อมูลลูกค้าใหญ่ของโจทก์อันเป็นความลับทางการค้าออกเปิดเผยให้แก่นายฐากูรทราบโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ด้วยอาศัยตำแหน่งหน้าที่การงานและโดยเจตนาทุจริต ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติความลับทางการค้า พ.ศ.2545 มาตรา 35
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า จำเลยเป็นพนักงานของโจทก์ กระทำผิดขณะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าว โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติความลับทางการค้าหรือการสอบสวนหรือการพิจารณาคดี อันจะเป็นความผิดตามมาตรา 35 คดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์โจทก์เพียงว่า คดีโจทก์มีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติความลับการค้า พ.ศ.2545 มาตรา 35 หรือไม่ คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างโจทก์ในตำแหน่งผู้จัดการแผนกวางแผนและพัฒนาธุรกิจมีหน้าที่ควบคุมดูแลงานด้านคอมพิวเตอร์และใช้เครื่องคอมพิวเตอร์รวบรวมข้อมูลลูกค้าของโจทก์ทั่วประเทศที่ซื้อหรือเช่าเครื่องถ่ายเอกสารและใช้บริการโจทก์ โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อและที่อยู่ของลูกค้า รวมทั้งสัญญาที่ได้ทำกับโจทก์ จำเลยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยใช้ทำงานจัดเก็บข้อมูลลูกค้า ส่งข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าของโจทก์ เช่น รายละเอียดลูกค้าเครื่องเช่าทั่วประเทศ และรายละเอียดลูกค้าเครื่องขายในเขตกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตนเองใช้งานอยู่ แล้วส่งข้อมูลต่อไปยังผู้มีชื่อ ด้วยวิธีการส่งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เช่นเดียวกันโดยเจตนาเอาไปซึ่งข้อมูลลูกค้าส่วนใหญ่ของโจทก์อันเป็นความลับทางการค้าออกเปิดเผยให้แก่ผู้มีชื่อทราบโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ ด้วยอาศัยตำแหน่งหน้าที่การงานและโดยเจตนาทุจริต ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติความลับทางการค้า พ.ศ.2545 มาตรา 35 ซึ่งตามมาตรา 35 ดังกล่าว บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่งว่า “ผู้ใดเปิดเผยข้อเท็จจริงใดเกี่ยวกับกิจการของผู้ควบคุมความลับทางการค้า อันเป็นข้อเท็จจริงที่ตามปกติวิสัยจะพึงสงวนไว้ไม่เปิดเผย ซึ่งตนได้มาหรือล่วงรู้เนื่องจากการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษ… เว้นแต่เป็นการเปิดเผยในการปฏิบัติราชการหรือเพื่อประโยชน์ในการสอบสวนหรือการพิจารณาคดี” และบัญญัติในวรรคสองว่า “ผู้ใดได้มาหรือล่วงรู้ข้อเท็จจริงใดจากบุคคลตามวรรคหนึ่งเนื่องในการปฏิบัติราชการหรือการสอบสวนหรือการพิจารณาคดี แล้วเปิดเผยข้อเท็จจริงนั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน” เห็นว่า องค์ประกอบความผิดในส่วนของผู้กระทำความผิดตามมาตรา 35 วรรคแรก คือ ผู้กระทำที่เปิดเผยข้อเท็จจริงใดเกี่ยวกับกิจการของผู้ควบคุมความลับทางการค้า จะต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ผู้กระทำได้มาหรือล่วงรู้เนื่องจากการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติความลับทางการค้า พ.ศ.2545 ซึ่งผู้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งรัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติดังกล่าวแต่งตั้งให้ปฏิบัติราชการตามพระราชบัญญัติดังกล่าวเท่านั้น ส่วนองค์ประกอบความผิดในส่วนของผู้กระทำความผิดตามมาตรา 35 วรรคสอง คือ ผู้กระทำที่ได้มาหรือล่วงรู้ข้อเท็จจริงใดจากผู้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติความลับทางการค้า พ.ศ.2545 โดยได้มาหรือล่วงรู้เนื่องในการปฏิบัติราชการหรือการสอบสวน หรือการพิจารณาคดีแล้วเปิดเผยข้อเท็จจริงนั้น
เมื่อตามคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวไม่ได้บรรยายข้อเท็จจริงใดว่าจำเลยเป็นผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติความลับทางการค้า พ.ศ.2545 หรือจำเลยได้มาหรือล่วงรู้ข้อเท็จจริงจากผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติความลับทางการค้า พ.ศ.2545 อันเป็นองค์ประกอบความผิดในมาตรา 35 ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเหตุว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติความลับทางการค้า พ.ศ.2545 มาตรา 35 นั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share