คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 937/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเรา แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพียงฐานพยายาม ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยฐานพยายามได้ ไม่เกินคำขอ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอายุ8 ขวบ โดยจำเลยให้ผู้เสียหายนอนลงบนเตียงแล้วถอดกระโปรงออกพร้อมกับกอดรัดจับอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้เสียหาย แล้วจำเลยได้ข่มขืนใจกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277, 279

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย แต่ไม่อาจข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จได้ เพราะผู้เสียหายอายุ 8 ขวบ ช่องคลอดเล็กการกระทำของจำเลยเป็นเพียงพยายามข่มขืนกระทำชำเรา และเป็นการกระทำอนาจาร พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277,279 ประกอบด้วยมาตรา 80 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 277, 80 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 ให้จำคุกจำเลยไว้ 2 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลลงโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา เป็นการพิพากษาเกินคำขอ ส่วนข้ออื่นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ไม่รับ

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้แม้โจทก์จะมิได้ขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา แต่โจทก์ก็ได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในฐานข่มขืนกระทำชำเรามาด้วย เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพียงฐานพยายาม ซึ่งการกระทำผิดฐานพยายามก็คือการกระทำความผิดนั้นนั่นเอง แต่เป็นเรื่องที่ผู้ลงมือกระทำความผิดกระทำไปไม่ตลอดหรือกระทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผลที่ศาลพิพากษาลงโทษในฐานะพยายามก็เป็นวิธีการเพื่อแบ่งส่วนลงโทษตามความผิดนั้นนั่นเอง ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้ หาเกินคำขอไม่ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share