แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในฐานข่มขืนกระทำชำเรา การกระทำของจำเลยผิดเพียงฐานพยายาม ที่ศาลลงโทษจำเลยฐานพยายาม ก็เป็นวิธีการเพื่อแบ่งส่วนลงโทษตามความผิดนั้น ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้ ไม่เกินคำขอ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอายุ 8 ขวบ โดยจำเลยให้ผู้เสียหายนอนลงบนเตียงแล้วถอดกระโปรงออกพร้อมกับกอดรัดจับอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้เสียหาย แล้วจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 279
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย แต่ไม่อาจข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จได้ เพราะผู้เสียหายอายุ 8 ขวบ ช่องคลอดเล็ก การกระทำของจำเลยเป็นเพียงพยายามข่มขืนกระทำชำเรา และเป็นการกระทำอนาจาร พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 279 ประกอบด้วยมาตรา 80 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 277, 80 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 ให้จำคุกจำเลยไว้ 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลลงโทษจำเลยในความผิดพยายามข่มขืนกระทำชำเรา เป็นการพิพากษาเกินคำขอ ส่วนข้ออื่นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ไม่รับ
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้แม้โจทก์จะมิได้ขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา แต่โจทก์ก็ได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในฐานข่มขืนกระทำชำเรามาด้วย เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพียงฐานพยายาม ซึ่งการกระทำผิดฐานพยายามก็คือการกระทำความผิดนั้นนั่นเอง แต่เป็นเรื่องที่ผู้ลงมือกระทำความผิดกระทำไปไม่ตลอดหรือกระทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ที่ศาลพิพากษาลงโทษในฐานพยายามก็เป็นวิธีการเพื่อแบ่งส่วนลงโทษตามความผิดนั้นนั่นเอง ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้ หากเกินคำขอไม่ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน