แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะค่าทนายความที่ให้จำเลยใช้แทนโจทก์ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย เมื่อคดีมีทุนทรัพย์เพียง 27,500 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จำเลยจะฎีกาว่ามิได้ขับรถประมาทหรือผู้อื่นมีส่วนประมาทด้วยไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ไปตามถนนสุขุมวิทด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ชนท้ายรถยนต์ซึ่งแล่นอยู่ข้างหน้า แล้วรถยนต์ของจำเลยแล่นไปทางแถบขวาชนรถยนต์ของโจทก์ที่ขับสวนทางมา รถยนต์โจทก์เสียหาย เสียค่าซ่อมรถ ๑๐,๗๐๐ บาท รถเสื่อมราคา ๑๕,๐๐๐ บาท และเสียค่าเช่ารถยนต์ระหว่างซ่อมรถ ๑,๘๐๐ บาท โจทก์ทวงถาม จำเลยไม่ยอมชำระ ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายรวมเป็นเงิน ๒๗,๕๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยขับรถยนต์มาด้วยความเร็วปกติ รถยนต์ของโจทก์ชนกับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.ก.๖๘๑๐ เพราะความประมาทของโจทก์ซึ่งขับมาด้วยความเร็วและไม่สามารถหยุดได้ทันที ประกอบกับรถยนต์ที่จำเลยขับถูกรถยนต์จิ๊บแลนด์โรเวอร์ซึ่งแล่นตามหลังชนท้ายอย่างแรง ทำให้รถยนต์ของจำเลยเสียหลักทรงตัวไปชนรถยนต์โจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลย รถยนต์โจทก์เสียหายไม่เกิน ๓,๐๐๐ บาท ไม่เสื่อมราคา ค่าเช่ารถยนต์หากมีก็ไม่ถึง ๑,๘๐๐ บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า รถยนต์ของจำเลยชนรถยนต์โจทก์ เกิดจากความประมาทของจำเลย พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายรวมทั้งสิ้น ๒๒,๔๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จให้โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความ ๒,๐๐๐ บาทแทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียหายดังคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น แต่ที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้ค่าทนายความ ๒,๐๐๐ บาทแทนโจทก์นั้นเกินกว่าอัตราร้อยละ ๕ ในตาราง ๖ ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในศาลชั้นต้น ๑,๐๐๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาว่าจำเลยมิได้ขับรถโดยประมาทหรือคนขับรถยนต์แลนโรเวอร์มีส่วนประมาทด้วย
ศาลฎีกาวินิจฉัยฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาที่โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต้องกันว่า เหตุที่รถยนต์แลนโรเวอร์ชนท้ายรถยนต์ของจำเลยทำให้รถยนต์ของจำเลยกระเด็นไปชนรถยนต์ของโจทก์เสียหาย เป็นเพราะจำเลยขับรถยนต์แซงรถยนต์แลนด์โรเวอร์ในที่คับขันตรงเชิงสะพานซึ่งถนนลาดต่ำลงและลื่น ทั้งขณะนั้นรถยนต์ของโจทก์กำลังแล่นสวนทางมาจำเลยขับรถเข้าเส้นทางเดินหน้ารถยนต์แลนโรเวอร์และทางด้านหลังรถยนต์นิสสัน แต่เนื่องจากช่องว่างระหว่างรถยนต์ทั้ง ๒ คันดังกล่าวมีจำกัด เมื่อจำเลยขับรถเข้าไปในช่องนั้น รถยนต์ของจำเลยจึงชนท้ายรถยนต์นิสสันและรถยนต์แลนด์โรเวอร์หยุดไม่ทัน จึงชนท้ายรถยนต์ของจำเลย ทำให้รถยนต์ของจำเลยกระเด็นไปชนรถยนต์ของโจทก์ในเส้นทางของรถยนต์ของโจทก์ จึงเป็นความประมาทของจำเลยและจำเลยเป็นผู้ก่อให้เกิดละเมิดโดยตรงและศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะค่าทนายความที่ให้จำเลยใช้แทนโจทก์ ซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และคดีนี้มีทุนทรัพย์เพียง ๒๗,๕๐๐ บาท ทั้งผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในศาลอุทธรณ์มิได้มีความเห็นแย้ง และผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์มิได้รับรองไว้ หรือรับรองในเวลาตรวจฎีกาว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาได้ ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๘
พิพากษายกฎีกาของจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ