คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2768/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องขอให้ชำระเงินค่าซื้อบ้านที่ค้างอยู่ตามสัญญาไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปีตามมาตรา 164 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาขายบ้านให้จำเลยทั้งสองเป็นเงิน 70,000บาท โจทก์รับเงินไว้แล้ว 52,000 บาท เงินที่เหลืออีก 18,000 บาท จำเลยทั้งสองจะชำระให้เสร็จสิ้นในวันโอนกรรมสิทธิ์ โจทก์ได้จัดการโอนบ้านเสร็จแล้ว จำเลยไม่ชำระราคาที่ค้างอยู่ 18,000 บาท และค้างดอกเบี้ยอีก 6,187.50 บาท ขอศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสองชำระเงินให้โจทก์ 24,187.50 บาท

จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์จำเลยไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กันมาก่อนสัญญาท้ายฟ้องจำเลยที่ 2 ทำโดยถูกโจทก์หลอกลวง จำเลยที่ 2 ได้บอกเลิกสัญญากับโจทก์แล้ว โจทก์ฟ้องโดยมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์ไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลย พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยทั้งสองตกลงซื้อบ้านจากโจทก์ ยังค้างชำระเงินอยู่ 18,000 บาท พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 18,000 บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ เพราะโจทก์ไม่ฟ้องคดีเสียภายใน 2 ปี เห็นว่าการฟ้องขอให้ชำระเงินค่าซื้อบ้านที่ค้างอยู่ตามสัญญาไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปีตามมาตรา 164 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ

พิพากษายืน

Share