แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันใส่ความ ลงข้อความในหนังสือพิมพ์รายวันว่า ‘ชาวบ้านที่ไปติดต่อแผนกที่ดิน จังหวัดนครสวรรค์ ร้องกันอู้จู่ๆถูกสาวก้นแฉะทรงศรีใช้วจีไม่ค่อยรื่นหูเจตน์ สุวรรณ ที่ดินจังหวัดคนตงฉินได้ยินแล้วอบรมซะบ้าง’ เป็นการใส่ความโดยประการที่น่าจะทำให้นางสาวทรงศรีโจทก์ร่วมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง ว่าเป็นคนประพฤติไม่ดี ชอบร่วมประเวณีกับชายทั่วๆ ไปเป็นประจำไม่เลือกหน้า และได้จำหน่ายจ่ายแจกหนังสือพิมพ์ดังกล่าวไปทั่วทุกจังหวัดดังนี้เห็นได้ว่า ฟ้องโจทก์ได้บรรยายและอธิบายความหมายของข้อความที่จำเลยลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เป็นการใส่ความในประการที่น่าจะทำให้โจทก์ร่วมเสียหายต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ทั้งได้บรรยายให้เห็นว่าข้อความที่จำเลยลงพิมพ์ไปนั้น ได้แพร่หลายไปยังบุคคลที่สามอีกเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพผิดตามฟ้อง ถือได้ว่าข้อความที่จำเลยลงพิมพ์ไปนั้นเป็นข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ร่วม จึงไม่จำต้องแปลข้อความให้เห็นเป็นอย่างอื่นนอกเหนือที่จำเลยรับสารภาพ จำเลยจึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้อำนวยการ บรรณาธิการ ผู้พิมพ์และผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ไทยรัฐรายวัน จำเลยที่ 2 เป็นหัวหน้าแผนกข่าว ได้ร่วมกันใส่ความลงข้อความในหนังสือพิมพ์ดังกล่าวว่า “ชาวบ้านที่ไปติดต่อแผนกที่ดิน จ.นครสวรรค์ร้องกันอู้จู่ ๆ ถูกสาวกันแฉะทรงศรี ใช้วจีไม่ค่อยรื่นหู เจตน์ สุวรรณ ที่ดินคนตงฉินได้ยินแล้วอบรมซะบ้าง” เป็นการใส่ความโดยประการน่าจะทำให้นางสาวทรงศรีชมภูศรี ผู้เสียหายซึ่งเป็นข้าราชการสำนักงานที่ดินจังหวัดนครสวรรค์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น และเกลียดชัง ว่าเป็นคนประพฤติไม่ดี ชอบร่วมประเวณีกับชายทั่ว ๆ ไปเป็นประจำไม่เลือกหน้า และได้จำหน่ายจ่ายแจกหนังสือพิมพ์ไปทั่วทุกจังหวัด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332 ให้จำเลยร่วมกันโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐรายวัน และในหนังสือพิมพ์รายวันฉบับอื่นอีก 1 ฉบับติดต่อกัน 15 วัน โดยจำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา
ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 328, 332 จำคุกคนละ 2 เดือน จำเลยรับสารภาพ ลดโทษคนละกึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 1 เดือน ให้จำเลยร่วมกันโฆษณาคำพิพากษานี้ทั้งหมดในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐรายวันและในหนังสือพิมพ์รายวันฉบับอื่นอีก 1 ฉบับติดต่อกันเป็นระยะเวลา 15 วัน โดยให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษปรับหรือรอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อความที่จำเลยลงพิมพ์โฆษณาตามฟ้อง ไม่ใช่เป็นคำหมิ่นประมาท แม้จำเลยรับสารภาพ ก็ไม่เป็นผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฟ้องโจทก์ได้บรรยายและอธิบายความหมายของข้อความที่จำเลยลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ เป็นการใส่ความแก่โจทก์ร่วมในประการที่น่าจะทำให้โจทก์ร่วมเสียหายต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ทั้งได้บรรยายให้เห็นว่า ข้อความที่จำเลยลงพิมพ์ไปนั้น ได้แพร่หลายไปยังบุคคลที่สามอีก เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพผิดตามฟ้อง ถือได้ว่า ข้อความที่จำเลยลงพิมพ์ไปนั้นเป็นข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ร่วม จึงไม่จำต้องแปลข้อความให้เห็นเป็นอย่างอื่นนอกเหนือที่จำเลยรับสารภาพดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ จำเลยจึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามฟ้อง
พิพากษากลับ ว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 จำคุกคนละ 2 เดือน ปรับคนละ 1,000 บาท จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 1 เดือน ปรับคนละ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้คนละสองปี ให้จำเลยร่วมกันโฆษณาคำพิพากษานี้ทั้งหมดในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐรายวัน และในหนังสือรายวันฉบับอื่นอีก 1 ฉบับ ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 15 วัน โดยให้จำเลยร่วมกันชำระค่าโฆษณานี้