คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 935/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเก็บปืนที่ตกไว้ เมื่อเจ้าของตาม ก็รับว่าได้เก็บไว้แล้วเช่นนี้ ถ้าไม่มีเจตนาทุจจริตในการเอาทรัพย์นั้นไป ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
เพียงแต่การเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยไม่มีใครอนุญาตนั้นจะถือว่าเป็นการทุจจริตยังไม่ได้.

ย่อยาว

ได้ความว่า นายแก้วเอาปืนของนายสนิทผู้เสียหายเหน็บเอวไปคุยที่เรือนนายลัง ตอนกลับเหยียบบันไดพลาดตกลงไป ศรีษะกะแทกไม้สลบไป ปืนหลุดตกที่พื้นดิน จำเลยได้เก็บปืนนั้นใส่กระเป๋ากางเกงไว้ เมื่อนานแก้วฟื้นขึ้นถามหาปืนจำเลยก็ตอบว่าเก็บไว้แล้ว รุ่งขึ้นนายแก้วไปขอปืนคืนจำเลยกลับว่าไม่เห็นและไม่ได้เก็บไว้ โจทก์และนายสนิทจึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นต้องกันว่า ข้อเท็จจริงดังปรากฏ จะฟังว่า จำเลยเอาปืนไปโดยเจตนาทุจจริต อันจะเป็นผิดฐานลักทรัพย์ยังไม่ได้ การที่จำเลยเกิดทุจจริตปฏิเสธภายหลังว่าไม่ได้เอาไป เป็นความผิดฐานอื่น จึงยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ไม่มีผู้ใดอนุญาตให้จำเลยเก็บปืนเอามาไว้ จำเลยบังอาจเก็บเอง จึงได้ชื่อว่าจำเลยบังอาจเอาทรัพบย์ของผู้อื่นไปโดยเจตนาทุจจริต
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อใดเป็นการกระทำทุจจริตนั้น ก.ม.ลักษณะอาญา ม. ๖(๓) ได้บัญญัติไว้ชักแจ้งแล้ว เพียงแต่การเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยไม่มีใครอนุญาตนั้น จะถือว่าเป็นการทุจจริตยังไม่ได้ จึงพิพากษายืน.

Share