คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 935/2484

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาเลิกหุ้นไม่จำต้องทำเป็นลายลักษณอักษรฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาเลิกหุ้นส่วนกันแล้ว และนำสืบว่าภริยาโจทก์เป็นผู้ลงนามในสัญญาแทนและได้มีสัญญาอีกฉะบับหนึ่งท้าวความถึงสัญญาเลิกหุ้นส่วนเป็นทำนองให้สัตยาบัน เหล่านี้ไม่เป็นการสืบนอกฟ้อง และไม่จำต้องกล่าวข้อความเหล่านี้มาในฟ้อง

ย่อยาว

โจกท์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญาเลิกหุ้นส่วนทำป่าไม้เงิน ๖๘๔๓ บาท ๕๐ สตางค์ จำเลยรับว่าเป็นหุ้นส่วนกับโจทก์ในการนี้จริง แต่สัญญาเลิกหุ้นส่วนใช้ไม่ได้ตามกฎหมาย จึงไม่มีผลผูกพันจำเลย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ก่อนทำสัญญารายนี้โจทก์จำเลยได้พูดตกลงเรื่องเลิกหุ้นส่วนกันตอนหนึ่งแล้ว แม้โจกท์จะไม่ได้ลงชื่อในสัญญา ก็มีภริยาลงชื่อเป็นตัวแทน และแม้จะไม่มีสัญญาการตกลงเลิกหุ้นส่วนกันด้วยปากเปล่าในตอนต้นก็ใช้ได้แล้ว ทั้งได้ความว่าหลังจากทำสัญญานี้แล้วโจทก์มิได้เกี่ยวข้องในฐานะเป็นหุ้นส่วนเลยจึงพิพากษาให้จำเลยคืนเงินค่าหุ้นให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการที่มีการนำสืบว่าภริยาโจทก์เป็นผู้ลงชื่อในฐานะเป็นตัวแทนโจทก์ เป็นเรื่องนอกฟ้อง และข้อที่ว่ามีสัญญาอีกฉะบับหนึ่งท้าวความถึงเป็นทำนองให้สัตยาบันสัญญาเลิกหุ้นส่วนนี้ ก็เป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็นอีก พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความชัดว่ามีการตกลงเลิกหุ้นส่วนรายนี้กันแล้ว แม้จะพึงว่าโจทก์มิได้ลงชื่อในสัญญาก็ตามสัญญานี้เป็นเครื่องประกอบแสดงการตกลงในเรื่องนี้ได้ดี ส่วนเรื่องการนำสืบว่าภริยาโจทก์เป็นผู้ลงนามแทนในสัญญาและมีสัญญาอีกฉะบับหนึ่งท้าวความถึงสัญญาเลิกหุ้นส่วนนี้เป็นทำนองให้สัตยาบัน ก็มิใช่เรื่องนอกฟ้องนอกประเด็นเพราะเป็นข้อที่โจทก์นำสืบประกอบว่าจำเลยได้ทำสัญญากับโจทก์เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องกล่าวความเหล่านี้มาในฟ้อง จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share