แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องบิดามารดาของบุตรผู้เยาว์ให้รับผิดโดยลำพังในผลละเมิดที่บุตรผู้เยาว์ได้กระทำไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 429 ได้ โดยไม่จำต้องฟ้องบุตรผู้เยาว์ผู้กระทำละเมิดเข้ามาเป็นจำเลยด้วย
การที่จำเลยผู้เป็นบิดามารดาปล่อยให้เด็กชาย ล. บุตรชายอายุ 5 ขวบเศษเล่นหนังสะติ๊ก ซึ่งคันหนังสะติ๊กยาวประมาณจากข้อมือถึงปลายนิ้วมือ ใช้ยางกลม ๆ โยงต่อกันมีหนังเข็มขัดโตขนาด 2 นิ้วมือเป็นที่รองกระสุน ยิงเล่นอยู่ในบริเวณบ้าน มิได้ปล่อยปละละเลยให้ออกไปเที่ยวยิงเล่นนอกบ้าน ขณะเกิดเหตุนางสาว จ. พาเด็กชาย ส. บุตรโจทก์ไปเที่ยวที่บ้านจำเลย เด็กชาย ส. ยืนอยู่ในมุมระเบียงเรือนของจำเลย ส่วนเด็กชาย ล.เล่นอยู่ที่พื้นดินภายในบริเวณบ้านของจำเลย เผอิญเด็กชาย ล.ยิงหนังสะติ๊กมาทางเรือนเพียงครั้งเดียว ถูกเด็กชาย ส. ได้รับบาดเจ็บถึงนัยน์ตาบอด ดังนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แม้จำเลยจะปล่อยให้เด็กชาย ล. เล่นโดยลำพังเช่นนั้น ก็ไม่อาจคาดหมายได้ว่าการที่เด็กชาย ล. ยิงหนังสะติ๊กเล่นจะเกิดเหตุถึงกับถูกนัยน์ตาของเด็กชาย ส. จำเลยได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลเด็กชาย ล.ซึ่งจำเลยได้กระทำอยู่นั้นแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในผลที่เด็กชาย ล. ได้กระทำละเมิดดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเด็กชายสนธยา เกื้อช่วย อายุ 3 ปี บุตรโจทก์นางสาวจำเนียร ผู้เลี้ยงพาเด็กชายสนธยาไปที่บ้านของจำเลย จำเลยทั้งสองไม่ได้ใช้ความระมัดระวังดูแลตามสมควรปล่อยให้เด็กชายไล่บัวทอง อายุ 5 ปี บุตรของจำเลยใช้ธนูยางเอาดินหมกไฟเป็นลูกธนูยิงถูกตาขวาของเด็กชายสนธยาจนตาบอด ขอให้จำเลยใช้เงินค่ารักษา ค่าพาหนะ ค่าสินไหมทดแทน
จำเลยให้การว่า เด็กชายสนธยาไม่ใช่บุตรของนายสมนึก และโจทก์มิได้ฟ้องเด็กชายไล่ บัวทอง ด้วย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยทั้งสองได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลเด็กชายไล่แล้วจำเลยก็ไม่ต้องรับผิด เด็กชายไล่ไม่ได้ใช้ธนูยางยิงเด็กชายสนธยาเด็กชายสนธยาตาไม่บอด ค่ายา ค่ารักษาพยาบาล ค่าสินไหมทดแทนที่เรียกมาเกินสมควร
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่ารักษาพยาบาลและค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ในปัญหาที่จำเลยฎีกาว่านายสมนึกไม่ใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของเด็กชายสนธยานายสมนึกจึงไม่มีอำนาจฟ้อง และโจทก์ฟ้องจำเลยโดยไม่ฟ้องเด็กชายไล่ผู้กระทำละเมิดด้วย ไม่เป็นเหตุให้จำเลยต้องรับผิดนั้น ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เด็กชายสนธยาเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสมนึก นายสมนึกจึงมีอำนาจฟ้องคดีได้และวินิจฉัยว่า การฟ้องคดีนี้แม้โจทก์จะมิได้ฟ้องเด็กชายไล่บุตรจำเลยผู้กระทำละเมิดร่วมกับจำเลยด้วยก็ตาม แต่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 429 บัญญัติความว่า บุคคลแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์ก็ยังต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิด บิดาหรือมารดาย่อมต้องร่วมรับผิดร่วมกับเขาด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น เมื่อจำเลยเป็นบิดามารดาของเด็กชายไล่ผู้เยาว์มีเหตุที่จะต้องรับผิดร่วมกับผู้เยาว์บุตรของตนในผลที่ผู้เยาว์กระทำละเมิดดังบทกฎหมายดังกล่าวแล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรับผิดโดยลำพังตามเหตุที่จะอ้างฟ้องมานั้นได้ โดยมิจำต้องฟ้องเด็กชายไล่ร่วมเข้ามาด้วย
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่า ขณะเกิดเหตุนางสาวจำเนียรได้พาเด็กชายสนธยาบุตรโจทก์ไปเที่ยวบ้านจำเลย แล้วเด็กชายไล่บุตรจำเลยได้ใช้กระสุนก้อนดินใส่หนังสะติ๊กยิงเด็กชายสนธยาได้รับบาดเจ็บนัยน์ตาบอด ในปัญหาที่ว่าจำเลยต้องรับผิดในผลที่เด็กชายไล่กระทำละเมิดหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า หนังสะติ๊กที่เด็กชายไล่ถือเล่นคันหนังสะติ๊กยาวประมาณจากข้อมือถึงปลายนิ้วมือ ใช้ยางกลม ๆ โยงต่อกัน มีหนังเข็มขัดโตขนาด 2 นิ้วมือเป็นที่รองกระสุนการที่จำเลยปล่อยให้เด็กชายไล่เล่นหนังสะติ๊กยิงเล่นอยู่ในบริเวณบ้านของจำเลยมิได้ปล่อยปละละเลยให้ไปเที่ยวยิงเล่นภายนอกบ้าน และที่ยิงเล่นภายในบ้านก็ไม่รบกวนบุคคลอื่นใด โดยสามัญสำนึกไม่มีเหตุอันจะพึงคาดหมายได้ว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นได้ ขณะเกิดเหตุเด็กชายสนธยายืนอยู่ในมุมระเบียงเรือน เด็กชายไล่เล่นอยู่ที่พื้นดินเผอิญเด็กชายไล่ยิงหนังสะติ๊กมาทางบนเรือนเพียงครั้งเดียวก็ถูกเด็กชายสนธยาได้รับบาดเจ็บ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญและโดยเหตุผลแล้วแม้จำเลยจะปล่อยให้เด็กชายไล่เล่นโดยลำพังเช่นนั้นจำเลยก็ไม่อาจคาดหมายได้ว่าการที่เด็กชายไล่ยิงหนังสะติ๊กเล่นจะเป็นเหตุถึงกับจะถูกนัยน์ตาของเด็กชายสนธยา จำเลยได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลเด็กชายไล่ซึ่งจำเลยได้กระทำอยู่นั้น จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในผลที่เด็กชายไล่กระทำละเมิดดังกล่าว ดังที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 429 ได้บัญญัติยกเว้นความรับผิดไว้
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์