คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 934/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สิทธิตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382 ที่ยังมิได้จดทะเบียน ท่านมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทน และโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว
สิ่งใดที่จำเลยมิได้ต่อสู้ก็ไม่ใช่ประเด็นที่ศาลจะต้องชี้ขาดตัดสิน
ค่าเสียหายซึ่งโจทก์มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์
ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ก่อกำแพงรุกล้ำเข้ามาในแนวเขตที่ดินตามโฉนดที่ 2267 ของโจทก์กว้างประมาณ 20 เซ็นติเมตร์ยาวเป็นชายธงประมาณ 14 เมตร 15 เซ็นติเมตรเป็นเนื้อที่ประมาณ 106 ตารางเมตรราคาประมาณ 200 บาท ซึ่งโจทก์ได้มาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว โจทก์ได้ห้ามจำเลย จำเลยไม่เชื่อฟัง เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายคิดเป็นเงิน 200 บาทขอให้ขับไล่จำเลยให้รื้อกำแพงออกไป

จำเลยแก้ว่า จำเลยได้ทำกำแพงภายในเขตที่ดินของจำเลยก่อนเพลิงไหม้ตรงที่พิพาทมีกำแพงกั้น เป็นเขตระหว่างที่ดินของโจทก์กับจำเลยอยู่ก่อนแล้ว เป็นกำแพงเก่าซึ่งมีมาหลายสิบปีก่อนโจทก์ได้ซื้อที่พิพาท ครั้นเพลิงไหม้แล้วจำเลยได้ต่อฐานกำแพงใหม่บนรากฐานเดิม มิได้รุกล้ำที่ดินโจทก์ ที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ก็ตาม จำเลยได้ปกครองต่อเนื่องตลอดมาโดยความสงบ และเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ จึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย

คู่ความแถลงรับกันดังนี้

1. โจทก์แถลงรับว่า จำเลยได้ครอบครองกำแพงตรงที่พิพาทมาเกิน 10 ปีก่อนโจทก์ซื้อที่ดินโฉนดที่ 1157 ซึ่งภายหลังแยกเป็นโฉนดที่ 2267 อีกแปลงหนึ่ง

2. จำเลยแถลงรับว่า โจทก์ได้ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 1157 ซึ่งภายหลังแยกเป็นโฉนดที่ 2267 อีกแปลงหนึ่งจริง โจทก์ซื้อไว้โดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตจริงและรับว่าขณะซื้อโจทก์ไม่ทราบเรื่อง การปกครองปรปักษ์ของจำเลย มาทราบภายหลัง การซื้อที่ดินดังกล่าวโจทก์ได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว กำแพงพิพาทอยู่ในเขตโฉนดที่ 2267 ของโจทก์ จำเลยเพิ่งทราบเมื่อทำแผนที่วิวาทและต่างแถลงรับกันว่า กำแพงพิพาทเป็นกำแพงเก่ามีอยู่มาหลายสิบปีแล้ว จำเลยได้ก่อกำแพงขึ้นใหม่เป็นรากฐานและแนวกำแพงเดิม และความข้อนี้โจทก์เพิ่งทราบภายหลังที่โจทก์ได้ซื้อที่ดินของโจทก์

คู่ความต่างแถลงไม่ติดใจสืบพยาน

ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีนี้เข้าตามบทบัญญัติ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1310 ตอนท้ายและปรากฏว่าจำเลยได้สร้างกำแพงในที่ดินของโจทก์โดยสุจริต และโจทก์แสดงได้ว่ามิได้มีความประมาทเลินเล่อการที่จะให้จำเลยรื้อถอนกำแพงไป จะทำไม่ได้โดยใช้เงินพอควรพิพากษาให้จำเลยซื้อที่ดินตรงที่ปลูกกำแพงรายพิพาท เรื่องราคาที่ดินโจทก์ได้ตีราคา 2,000 บาท จึงให้จำเลยซื้อที่ดินปลูกกำแพงเป็นเงิน 2,000 บาท

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เท่าที่คู่ความแถลงรับกันฟังได้ว่าโจทก์ได้ซื้อดินรายนี้มาโดยสุจริต โดยมีค่าตอบแทนและได้จดทะเบียนสิทธิแล้ว กำแพงที่ก่อสร้างอยู่ในเขตที่ดินที่โจทก์ซื้อ ขณะซื้อโจทก์ไม่ทราบเรื่องการปกครองปรปักษ์ของจำเลยหากจะถือว่าจำเลยได้ปกครองที่พิพาทซึ่งเป็นรากกำแพงมาหลายสิบปี จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ตามที่จำเลยกล่าวอ้างนั้น สิทธิที่จำเลยอ้างว่า ได้นั้นก็ยังมิได้จดทะเบียนสิทธิอันยังมิได้จดทะเบียนนั้น ท่านมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทน และโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต แล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรคท้าย และเห็นว่าฝ่ายจำเลยมิได้ต่อสู้ว่าที่ตรงพิพาทไม่ควรให้รื้อกำแพงด้วยเหตุอันใด การรื้อจะเสียหายแก่จำเลยอย่างไร และการที่จะให้รื้อถอนไปจะทำไม่ได้ โดยใช้เงินพอควรก็ไม่ได้ความเลย โดยต่างแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ประเด็นคงมีเพียงว่าที่ตรงพิพาทเป็นของโจทก์หรือของจำเลยเท่านั้น ส่วนเรื่องค่าเสียหายตามที่โจทก์ฟ้องชั้นอุทธรณ์ โจทก์มิได้ยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์ เพิ่งจะมากล่าวในชั้นฎีกาจึงไม่วินิจฉัย พิพากษาแก้ให้จำเลยรื้อถอนกำแพงออกไปจากที่ของโจทก์และห้ามเกี่ยวข้องนอกจากที่แก้พิพากษายืน

Share