แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
รับรองว่าจะชำระค่าตรวจรักษาให้ แต่ขอผัดให้รอคนอีกคนหนึ่ก่อนดังนี้ เป็นการรับสภาพหนี้ตามมาตรา 172
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นน้องชายจำเลยที่ 2 และเป็นบิดาของนางสาวสุทิน และอาว์ของนายชู บุตรจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ให้โจทก์ตรวจรักษาจำเลยที่ 1 นางสาวสุทินและนายชูเดช คิดเป็นเงินที่จำเลยค้างชำระอยู่อีก 5,433 บาท 50 สตางค์ ขอให้จำเลยชำระพร้อมกับดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยเป็นแต่เพียงผู้พานายชูเดชไปส่วนค่ารักษาเป็นเรื่องของนายชูเดชหรือจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดบัญชีไม่ถูกต้องความจริงนายชูเดชได้ชำระเสร็จแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ ค่ารักษาสำหรับจำเลยที่ 1และนางสาวสุทิน จำเลยที่ 1 ชำระแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ได้ผัดผ่อนหรือรับรองหนี้สินของนายชูเดช
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยที่ 1 ว่าจ้างโจทก์รักษานายชูเดชกับน้อยชาย (นายชูเดช) รวมทั้งตัวจำเลยที่ 1 และบุตรโดยไม่มีเงื่อนไขสุดแต่โจทก์จะคิดเอาจำเลยที่ 1 ยังค้างชำระหนี้ตามฟ้องจำเลยที่ 2 ไม่ใช่คู่สัญญาไม่ต้องรับผิดพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 5,433 บาท 50 สตางค์แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ตามฟ้องโจทก์มิได้กล่าวถึงว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้รักษาน้องชายนายชูเดชเลย โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกเงินค่ารักษาน้องชายนายชูเดชจากจำเลยที่ 1 ได้ พิพากษาให้จำเลยรับผิดชำระเงินแก่โจทก์เพียง 5,363 บาท50 สตางค์นอกจากนี้ยืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อโต้เถียงที่ว่าจำเลยที่ 1 ได้ตกลงจะชำระค่าตรวจรักษานายชูเดชหรือไม่นั้น เมื่อระลึกถึงพฤติการณ์ที่นายชูเดชเป็นหลานและอยู่ในความปกครองของจำเลยที่ 1 ก็ไม่น่าเชื่อว่าโจทก์ได้ตกลงตรวจและรักษานายชูเดชโดยคิดเอาค่าตรวจรักษาจากจำเลยที่ 2 ซึ่งอยู่ต่างจังหวัดและไม่รู้จักคุ้นเคยกัน ปรากฏตามคำพยานโจทก์เองว่า นางสาวสุทินได้ชำระค่ารักษามาหมดแล้วหนี้สินยังคงเหลือเฉพาะจำเลยที่ 1 คนเดียวที่จำเลยว่าได้ชำระหมดแล้วทั้ง 2 คนนั้นฟังไม่ได้ รวมหนี้สินที่เกี่ยวค้างอันจำเลยที่ 1 จะต้องชำระให้แก่โจทก์รวมเป็น 8,249 บาท 50 สตางค์โจทก์รับว่าได้มีการชำระแล้ว4,000 บาท จึงยังคงค้างเพียง 4,249 บาท 50 สตางค์
ส่วนเรื่องอายุความนั้น จำเลยรับรองว่าจะจัดการชำระให้เป็นแต่ขอผัดให้จำเลยที่ 2 ลงมากรุงเทพฯ เสียก่อนนี้เป็นการรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 และนับแต่วันสภาพหนี้มาจนถึงวันฟ้องยังไม่ถึง 2 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินแก่โจทก์ 4,249 บาท50 สตางค์