คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

รับรองว่าจะชำระค่าตรวจรักษาให้ แต่ขอยัดให้รอดอีกคนหนึ่งก่อนดังนี้ เป็นการรับสภาพหนี้ตามมาตรา 132

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ เป็นน้องชายจำเลยที่ ๒ และเป็นบิดาของนางสาวสุพิน และอาว์ของนายชู บุตรจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ ให้โจทก์ตรวจรักษาจำเลยที่ ๑ นางสาวสุพินและนายชูเดช คิดเป็นเงินที่จำเลยค้างชำระอยู่อีก ๕,๔๓๓ บาท ๕๐ สตางค์ของให้จำเลยชำระพร้อมกับดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าจำเลยเป็นแต่เพียงผู้พานายชูเดชไป ส่วนค่ารักษาเป็นเรื่องของนายชูเดชหรือจำเลยที่ ๒ ต้องรับผิดบัญชีไม่ถูกต้องความจริงนายชูเดชได้ชำระเสร็จแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ ค่ารักษาสำหรับจำเลยที่ ๑ และนางสาวสุพิน จำเลยที่ ๑ ชำระแล้ว จำเลยที่ ๑ ไม่ได้ผัดผ่อนหรือรับรองหนี้สินของนายชูเดช
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยที่ ๑ ว่าจ้างโจทก์รักษานายชูเดชกับน้องชาย(นายชูเดช)รวมทั้งตัวจำเลยที่ ๑ และบุตรโดยไม่มีเงื่อนไขสุดแต่โจทก์จะคิดเอา จำเลยที่ ๑ ยังค้างชำระหนี้ตามฟ้อง จำเลยที่ ๒ ไม่ใช่คู่สัญญาไม่ต้องรับผิดพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงิน ๕,๔๓๓ บาท ๕๐ สตางค์แก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ตามฟ้องโจทก์มิได้กล่าวถึงว่าจำเลยที่ ๑ ได้ให้รักษาน้องชายนายชูเดชเลย โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกเงินค่ารักษาน้องชายนายชูเดชจากจำเลยที่ ๑ ได้ พิพากษาแก้ให้จำเลยรับผิดชำระเงินแก่โจทก์เพียง ๕,๓๖๓ บาท ๕๐ สตางค์ นอกจากนี้ยืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อโต้เถียงที่ว่าจำเลยที่ ๑ ได้ตกลงจะชำระค่าตรวจรักษานายชูเดชหรือไม่นั้น เมื่อระลึกถึงพฤติการณ์ที่นายชูเดชเป็นหลานและอยู่ในความปกครองของจำเลยที่ ๑ ก็ไม่น่าเชื่อว่าโจทก์ได้ตกลงตรวจและรักษานายชูเดชโดยคิดเอาค่าตรวจรักษา จำเลยที่ ๒ ซึ่งอยู่ต่างจังหวัดและไม่รู้จักคุ้นเคยกัน ปรากฎตามคำพยานโจทก์เองว่า นางสาวสุพินได้ชำระค่ารักษามาหมดแล้ว หนี้สินยังคงเหลือเฉพาะจำเลยที่ ๑ คนเดียวที่จำเลยได้ชำระหมดแล้วทั้ง ๒ คนนั้นฟังไม่ได้ รวมหนี้สินที่เกี่ยวค้างอันจำเลยที่ ๑ จะต้องชำระให้แก่โจทก์รวมเป็น ๘,๒๔๙ บาท ๕๐ สตางค์โจทก์รับว่าได้มีการชำระแล้ว ๔,๐๐๐ บาท จึงยังคงค้างเพียง ๔,๒๘๔ บาท ๕๐ สตางค์
ส่วนเรื่องอายุความนั้นจำเลยรับรองว่าจะจัดการชำระให้เป็นแต่ขอผัดให้จำเลยที่ ๒ ลงมากรุงเทพฯ เสียก่อนนี้เป็นการรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๓๒ และนับแต่วันสภาพหนี้มาจนถึงวันฟ้องยังไม่ถึง ๒ ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงินแก่โจทก์ ๔,๒๔๙ บาท ๕๐ สตางค์

Share