คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1332/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สมัครใจวิวาท ไม่เป็นป้องกัน ใครเงือดเงื้อลงมือทำร้ายก่อนไม่สำคัญ

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตาม มาตรา 249, 254 ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง เพราะป้องกัน โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาดังนี้

“ทางพิจารณาได้ความในเบื้องต้นว่า จำเลยที่ 1 มีศักดิ์เป็นน้าผู้ตาย ในตอนเช้าวันเกิดเหตุ ผู้ตายไปช่วยผู้มีชื่อถางไร่ตอนค่ำเมาสุรา ถือขวานเดินทางกลับผ่านทางเดินหน้าบ้านจำเลยที่ 1 สุนัขที่นั่นเห่า จำเลยที่ 1 อยู่บนเรือนยุสุนัขกัด ผู้ตายว่าจะฟันสุนัข เลยเกิดเถียงท้าทาย ผู้ตายทำให้จำเลยที่ 1 ไปสู้กันจำเลยที่ 1 ถือมีดพร้าลงไปที่ดินห่างบันไดเรือนสัก 1 วา ส่วนจำเลยที่ 1 ซึ่งไปคุยอยู่ที่เรือนนั้นก็ตามลงไปด้วย ตามคำพยานทั้งสองฝ่ายว่า จำเลยที่ 1 เถียงกับผู้ตาย แล้วผู้ตายถูกตีที่คิ้วซ้ายแตก 1 แผล ล้มลง (ตรงแผนที่เกิดเหตุหมายเลข 2) ผู้ตายลุกไปทางตะวันตก ถึงทุ่งนานอกรั้วบ้านจำเลยที่ 1 และห่างเรือนไปสัก 13 วา ก็ถูกจำเลยที่ 1 ฟันด้วยพร้าถูกคอด้านซ้ายมีบาดแผลยาว 11 1/2 ซ.ม. กว้าง 6 1/2 ซ.ม. ลึกตัดกระดูกก้านคอขาดล้มลงขาดใจตายคาที่

แผลที่คิ้ว ตามคำพยานโจทก์หลายปากที่เป็นผู้ใหญ่บ้านปลัดอำเภอผู้สอบสวนแพทย์ผู้ชันสูตรศพ เห็นต้องกันเข้าใจว่าเป็นแผลถูกสันมีดสมกับคำจำเลยที่ 1 ที่รับว่าตีด้วยสันมีด แต่ไม่ใช่แผลไม้ดังที่โจทก์ยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ใช้ไม้ตี ตอนผู้ตายถูกฟันคอที่ทุ่งนานั้น ก็ไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 2 สมรู้ร่วมกระทำด้วยและนายวันผู้ใหญ่บ้านพยานโจทก์ว่า ทางสืบสวนไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิด จึงยังไม่มีทางลงโทษจำเลยที่ 2 ดังความเห็นของศาลอุทธรณ์

คดีส่วนตัวจำเลยที่ 1 นั้น ตามพฤติการณ์ดังกล่าวเห็นได้ว่าผู้ตายเมาสุราอาละวาดมาก่อน จำเลยที่ 1 ยุสุนัขกัด เลยเกิดเป็นปากเสียงกัน แล้วจำเลยที่ 1 รับคำท้าลงไปเพื่อต่อสู้กับผู้ตายหาใช่ไปห้ามปรามไม่ ลงไปโต้เถียงกันอีกนาน ตามคำพยานทั้งสองฝ่ายว่าประมาณถึง 10 นาที แล้วจึงกระทำร้ายผู้ตาย จำเลยที่ 1 ว่าผู้ตายเงื้อขวานจะฟันก่อน จึงตีด้วยสันมีดไป ข้อนี้แม้จะจริงก็เป็นเรื่องสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายกัน ใครเงือดเงื้อหรือลงมือกระทำร้ายได้ก่อนไม่สำคัญ ไม่ทำให้ลักษณะคดีเป็นเรื่องป้องกันไปได้

ยิ่งกว่านั้น ตอนจำเลยที่ 1 ไปฟันผู้ตายที่กลางทุ่งนานั้นก็เนื่องมาจากจำเลยที่ 1 ตีผู้ตายล้มลงที่หน้าบันไดก่อนแล้วดูไม่มีเหตุสมควรอันใดที่ผู้ตายซึ่งทั้งเมาและเจ็บกลับจะลุกขึ้นไล่จำเลยที่ 1 ไปถึงทุ่งนา แล้วถูกฟันตาย ตามคำผู้ใหญ่วันซึ่งเป็นพยานคนกลางและได้ไปถึงที่เกิดเหตุกระชั้นชิดในคืนนั้นก็ยืนยันว่าจำเลยที่ 1 บอกว่าได้ไล่ผู้ตายไปไม่ใช่ถูกผู้ตายไล่คำชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ก็รับไว้อย่างนี้

รูปคดีจึงเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 มิได้กระทำโดยทางป้องกันควรมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา

จึงพิพากษาแก้ ให้บังคับคดีแก่นายมั่น จำปา จำเลยที่ 1 ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น”

Share