คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483-1484/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยรับว่าผู้มีชื่อเช่าที่พิพาทจากวัดและจำเลยได้เข้าไปขุดหลุมตอกหลักในที่พิพาทโดยไม่ได้ของอนุญาตจากผู้เช่า ๆ ทักท้วงจำเลยกับพวกก็ไม่ฟัง ดังนี้แม้จำเลยจะเข้าไปทำด้วยความศรัทธาเพื่อปลูกสร้างศาลาธรรมสังเวช เมื่อจำเลยบังอาจยึดถือเอาที่พิพาทปลูกศาลาโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายแต่ประการใด เช่นนี้เรียกว่าเจตนากระทำให้วัดและผู้เช่าครอบครองที่พิพาทโดยไม่ปกติสุข ตามมาตรา 327 และไม่ใช่เป็นการแย่งกรรมสิทธิทางแพ่ง

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องเป็น ๒ สำนวน ๆ แรกกล่าวฟ้องแลเพิ่มเติมฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๔๙๕ เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจสมคบกันมีมีดฆ้อนและชะแลงคุมกันเข้าไปในเขตที่ดินซึ่งใช้เป็นที่ทำไร่และอาศัยอยู่ในความดูแลรักษาของนายหล้ำ โดยเจตนาจะมิให้นายหล้ำครอบครองทรัพย์สินที่ปลูกไว้โดยปกติ แล้วจำเลยได้เหยียบย่ำต้นพริกข้าวโพด แตงโม รวมค่าเสียหาย ๑๕๐ บาท โดยจำเลยประสงค์จะเข้ายึดทำการปลูกสร้างอาคาร โดยมิได้มีอำนาจที่จะกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย นายหล้ำเจ้าทุกข์ได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานแล้ว และเขตที่ดินนี้เป็นกรรมสิทธิของวัดถาวรวราราม นายหล้ำได้เช่าไว้ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๓๒๗,๓๒๘,๓๒๔,๖๓
นายเหลาจำเลยที่ ๘ ได้หลบหนีไปก่อนยืนคำให้การ ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะตัวนายเหลาจำเลย
จำเลยที่ ๑ ถึง ๔ ต่อสู้ว่า จำเลยเพียงเข้าไปในที่เกิดเหตุ+เล็กน้อย ที่ดินตามฟ้องเป็นที่สาธารณประโยชน์ จำเลยมีจิตตศรัทธาเอาศาลาธรรมสังเวชเข้าไปปลูกสร้างเพื่อสาธารณกุศลและว่าเป็นการแย่งกรรมสิทธิทางแพ่ง ไม่ใช่คดีอายุ
จำเลยที่ ๕ ถึงที่ ๗ ต่อสู้ทำนองเดียวกับจำเลยอื่น ๆ และว่าจำเลยที่ ๑ ได้จ้างไปปลูกศาลา นายจงรับสารภาพศาลตัดสินไปแล้ว
ศาลชั้นต้นฟังว่าที่เกิดเหตุเป็นที่ ซึ่งนายหล้ำได้เช่าจากวัดถาวรวรารามทำไร่มาประมาณ ๑ ปีแล้ว จำเลยมีเจตนาบุกรุกเข้าไปโดยไม่เคารพสิทธิของบุคคลอื่นย่อมมีผิด และจำเลยได้ทำให้ทรัพย์เสียหายจริง พิพากษาว่า จำเลยทุกคนมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๓๒๗,๓๒๘,๖๓
จำเลยที่ต้องโทษทุกคนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า การที่จำเลยเข้าไปขุดหลุมฝังเสาชักระดับเชือก ไม่ได้แสดงให้เห็นว่า จำเลยเจตนาจะมิให้วัดถาวรวรารามครอบครองป่าช้าของวัดโดยปกติสุข ทั้งที่โจทก์อ้างในฟ้องว่า จำเลยเจตนาจะมิให้นายหล้ำครอบครองทรัพย์สินที่ปลูกไว้นั้น โดยปกติสุขเช่นนี้ไม่เปนความผิดฐานบุกรุกทางอาญาประสงค์คุ้มครองทรัพย์เคลื่อนจากที่มิได้ส่วนความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์นั้น จำเลยบังอาจเหยียบย่ำขุดหลุมกระทำแค่พืชที่เพาะปลูกไว้โดยรู้ว่าตนไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายอย่างใด จึงฟังว่าจำเลยทำให้เสียทรัพย์ พิพากษาแก้ให้ยกข้อหาฐานบุกรุก คงลงโทษจำเลยฐานทำให้เสียทรัพย์ตามมาตรา ๓๒๔,๖๓ ฐานเดียว
อัยการโจทก์ฎีกา ขอให้ลงโทษฐานบุกรุกด้วย
ศาลฎีกาเห็นว่า นายตั้วจำเลยเบิกความรับว่านายหล้ำเช่าที่พิพาทนี้จากวัดถาวรวราราม จำเลยไม่ได้ขออนุญาตจากนายหล้ำ ๆ ทักท้วงจำเลยกับพวกไม่ฟัง แม้จำเลยจะเข้าไปทำด้วยความศรัทธา เพื่อปลูกสร้างศาลาธรรมสังเวช เมื่อจำเลยบังอาจเข้ายึดถือเอาที่พิพาทปลูกศาลาโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายแต่ประการใดที่จะยกขึ้นอ้างอิงการกระทำของจำเลยเช่นนี้เรียกว่าเจตนากระทำให้วัดถาวรวรารามและนายหล้ำครอบครองที่พิพาทโดยไม่ปรกติสุข จึงมีผิดฐานบุกรุกตามกฎหมาบลักษณะอาญามาตรา ๓๒๗,๓๒๘ หาใช่เป็นการแย่งกรรมสิทธิทางแพ่งไม่
พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share