แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ควรบอกเลิกสัญญาเช่าเคหะหรือขับไล่ผู้เช่าออกจากเคหะได้หรือไม่นั้น ต้องอยู่ในบังคับแห่งกฎหมายที่ตัดรอนสิทธิอยู่ในขณะนั้น
โจทก์บอกเลิกการเช่าเคหะระหว่างที่ใช้พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2486 แม้ระหว่างพิจารณาคดีจะได้ใช้พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2489 แล้วก็ตาม พ.ร.บ.ที่ออกใหม่นี้ก็หาอาจกระทบกระเทือนสิทธิเลิกสัญญาการเช่าที่โจทก์ได้ใช้ไปแล้วก่อนนั้นไม่
ย่อยาว
ได้ความว่า สัญญาเช่าเคหะระหว่างจำเลยกับนางเอี๋ยนเจ้าของเดิม สิ้นอายุลงตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2488 โจทก์ผู้ซึ่งรับโอนกรรมสิทธิ์เคหะไว้ ได้บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าให้จำเลยออกจากเคหะที่เช่าเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2488 จำเลยไม่ยอมออก โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ขับไล่เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2489
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ 1 ปาก แล้ววินิจฉัยว่าในระหว่างพิจารณามีพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2489 ใช้บังคับแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย ไม่ว่าเคหะจะเป็นที่อาศัยหรือประกอบการค้า จึงให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า 2486 หรือไม่ต้องฟังพยานก่อนว่า จำเลยได้เช่าอยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่หรือไม่ จึงพิพากษาแก้ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การบอกเลิกสัญญาเช่ารายนี้ กระทำในระหว่างใช้พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า พ.ศ. 2488 พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2489 ซึ่งออกใช้ระหว่างพิจารณาคดีหาอาจกระทบกระเทือนถึงสิทธิเลิกการเช่าที่โจทก์ได้ใช้ไปแล้วก่อนนั้น หาได้ไม่ จึงพิพากษายืน