คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ควรบอกเลิกสัญญาเช่าเคหะหรือขับไล่ผู้เช่าออกจากเคหะได้หรือไม่นั้น ต้องอยุ่ในบังคับของ ก.ม.ที่ตัดรอนสิทธิอยู่ในขณะนั้น
โจทก์บอกเลิกการเช่าเคหะระหว่างที่ใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2486 แม้ระหว่างพิจารณาคดี จะได้ใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2489 แล้วก็ตาม พ.ร.บ.ที่ออกไหม่นี้ก็หาอาจกระทบกระเทือนสิทธิเลิกสัญญาการเช่าที่โจทก์ได้ใช้ไปแล้วก่อนนั้นไม่.

ย่อยาว

ได้ความว่า สัญญาเช่าเคหะระหว่างจำเลยกับนางเอี๋ยนเจ้าของเดิม สิ้นอายุลงตั้งแต่วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๔๘๘ โจทก์ผู้ซึ่งรับโอนกรรมสิทธิเคหะไว้ ได้บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าให้จำเลยออกจากเคหะที่เช่าเมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๔๘๘ จำเลยไม่ยอมออก โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ขับไล่เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๔๘๙
ศาลชั้นต้นสืบพะยานโจทก์ ๑ ปาก แล้ววินิจฉัยว่าในระหว่างพิจารรามี พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ๒๔๘๙ ใช้บังคับแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย ไม่ว่าเคหะจะเป็นที่อาศัยหรือประกอบการค้า จึงให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยจะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ๒๔๘๖ หรือไม่ต้องฟังพะยานก่อนว่า จำเลยได้เช่าอยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่หรือไม่ จึงพิพากษาแก้ให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การบอกเลิกสัญญาเช่ารายนี้กระทำในระหว่างใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า พ.ศ. ๒๔๘๘ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ๒๔๘๙ ซึ่งออกใช้ระหว่างพิจารราคดีหาอาจกระทบกระเทือนถึงสิทธิเลิกการเช่าที่โจทก์ได้ใช้ไปแล้วก่อนนั้น หาได้ไม่ จึงพิพากษายืน.

Share