แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก.15/2531 ยกเลิกการลดอัตราอากรขาเข้าสำหรับของประเภทที่ 32.04 และให้เพิ่มรายการตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการคลังที่ ศก.15/2531 ไว้ในบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก.1/2531 เมื่อรายการที่เพิ่มไม่มีผลิตภัณฑ์อินทรีย์สังเคราะห์ชนิดที่ใช้เป็นตัวให้ความขาวสว่างชนิดฟลูออเรสเซนต์อยู่ด้วย จึงไม่ได้รับการลดอัตราอากรขาเข้าอีกต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 20 ธันวาคม 2531ถึงวันที่ 23 มิถุนายน 2533 จำเลยสั่งและนำเข้าซึ่งสินค้าสิ่งฟอกนวล (Ranipal BHT CONC-L) และผลิตภัณฑ์อินทรีย์สังเคราะห์ที่เป็นตัวทำให้ขาว (Fluorescent Whitening Agent VBL) กำเนิดประเทศอินเดียและจีน จากประเทศอินเดีย จีนและสิงคโปร์โดยทางเรือเข้ามาในราชอาณาจักรรวม 9 ครั้ง เมื่อสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรแล้วจำเลยยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าต่อเจ้าพนักงานของโจทก์ที่ 1 โดยสำแดงพิกัด 3204.20 อัตราอากรร้อยละ 15 เจ้าพนักงานของโจทก์ที่ 1 พิจารณาแล้วพอใจในราคาสินค้าจึงสั่งให้จำเลยชำระเงินอากรขาเข้า ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาลตามที่จำเลยสำแดงไว้ในใบขนสินค้าแล้วจึงตรวจปล่อยสินค้าให้จำเลยรับไป ต่อมาเจ้าพนักงานของโจทก์ที่ 1 ทำการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างสินค้าที่จำเลยนำเข้า พบว่าสินค้าเป็นผลิตภัณฑ์อินทรีย์สังเคราะห์ชนิดที่ใช้เป็นตัวให้ความขาวสว่างชนิดฟลูออเรสเซนต์ ตามประเภทพิกัดย่อย 3204.20 แต่ไม่อยู่ในข่ายได้รับการลดอัตราอากร ตามประกาศกระทรวงการคลังที่ ศก.15/2531 จึงต้องชำระอากรในอัตราร้อยละ 30 เจ้าพนักงานของโจทก์ที่ 1 จึงประเมินอัตราอากรสำหรับสินค้าที่จำเลยนำเข้าเพิ่มขึ้นเป็นอัตราร้อยละ 30 เมื่อนำเงินค่าภาษีอากรที่จำเลยได้ชำระไว้ไปหักแล้ว จำเลยจะต้องชำระภาษีอากรเพิ่มขึ้นอีกเจ้าพนักงานของโจทก์ที่ 1 ได้ออกแบบแจ้งการประเมินภาษีอากรสำหรับสินค้าที่นำเข้าให้จำเลยทราบ เพื่อให้จำเลยนำเงินค่าภาษีอากรเพิ่มขึ้นมาชำระ จำเลยได้รับแล้วเพิกเฉยไม่นำเงินค่าภาษีอากรดังกล่าวไปชำระแก่โจทก์ทั้งสองภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดและมิได้อุทธรณ์คัดค้านการประเมินหรือยื่นคำโต้แย้งภายในระยะเวลา30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน จำเลยจึงต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มภาษีการค้าตามมาตรา 89 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากรในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีการค้าที่ต้องชำระเพิ่ม นับแต่เมื่อพ้น 15 วัน ถัดจากเดือนภาษีแต่มิให้เกินกว่าจำนวนภาษีที่ต้องชำระเพิ่ม และจำเลยต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มภาษีบำรุงเทศบาลในอัตราร้อยละ 10 ของเงินเพิ่มภาษีการค้าเป็นเงินภาษีอากรและเงินเพิ่มรวมทั้งสิ้น 448,271.72 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินภาษีอากรและเงินเพิ่มจำนวน 448,271.72 บาทแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน448,271.72 บาท แก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังยุติได้ว่า เมื่อระหว่างวันที่ 20 ธันวาคม 2531 ถึงวันที่ 23 มิถุนายน 2531จำเลยนำเข้าซึ่งสินค้าสิ่งฟอกนวล (Ranipal BHT CONC-L) และผลิตภัณฑ์อินทรีย์สังเคราะห์ที่เป็นตัวทำให้ขาว (Fluorescent Whitening VBL)กำเนิดประเทศอินเดียและจีน จากประเทศอินเดีย จีนและสิงคโปร์โดยทางเรือเข้ามาในราชอาณาจักรรวม 9 ครั้งโดยสำแดงพิกัดประเภทที่ 3204.20 อัตราร้อยละ 15 เจ้าพนักงานของโจทก์ที่ 1 พอใจในราคาสินค้า จึงสั่งให้จำเลยชำระเงินอากรขาเข้าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามที่จำเลยสำแดง แล้วตรวจปล่อยสินค้าให้จำเลยรับไปต่อมาเจ้าพนักงานของโจทก์ที่ 1 ทำการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างสินค้าที่จำเลยนำเข้า พบว่าสินค้าเป็นผลิตภัณฑ์อินทรีย์สังเคราะห์ชนิดที่ใช้เป็นตัวให้ความขาวสว่างชนิดฟลูอเรสเซนต์ตามพิกัดประเภทที่ 3204.20 แต่ไม่อยู่ในข่ายได้รับการลดอัตราอากร ตามประกาศกระทรวงการคลังที่ ศก.15/2531 ซึ่งใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2531 ต้องชำระอากรในอัตราร้อยละ 30เจ้าพนักงานของโจทก์ที่ 1 จึงประเมินอัตราอากรสำหรับสินค้าที่จำเลยนำเข้าเพิ่มขึ้นเป็นอัตราร้อยละ 30 เมื่อนำเงินค่าภาษีอากรที่จำเลยชำระไว้ไปหักแล้วจำเลยจะต้องชำระภาษีอากรเพิ่มขึ้นอีกเจ้าพนักงานของโจทก์ที่ 1 ได้ออกแบบแจ้งการประเมินภาษีอากรสำหรับสินค้าที่นำเข้าให้จำเลยทราบเพื่อให้จำเลยนำเงินค่าภาษีอากรเพิ่มขึ้นมาชำระ จำเลยได้รับแล้วเพิกเฉย และมิได้อุทธรณ์คัดค้านการประเมินหรือยื่นคำโต้แย้งภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน เจ้าพนักงานของโจทก์ที่ 1คิดเงินเพิ่มภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 89 ทวิ ในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีการค้าที่ต้องชำระเพิ่มนับแต่เมื่อพ้น 15 วัน ถัดจากเดือนภาษี และเงินเพิ่มภาษีบำรุงเทศบาลในอัตราร้อยละ 10 ของเงินเพิ่มภาษีการค้าเป็นเงินภาษีอากรและเงินเพิ่มรวมทั้งสิ้น 448,271.72 บาท คดีมีปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า ผลิตภัณฑ์อินทรีย์สังเคราะห์ชนิดที่ใช้เป็นตัวให้ความขาวสว่างชนิดฟลูออเรสเซนต์ที่จำเลยนำเข้ามาในราชอาณาจักรต้องเสียอากรอัตราร้อยละ 30 หรือ 15 เห็นว่าตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ภาค 2พิกัดอัตราอากรขาเข้า ประเภทที่ 32.04 รายการ วัตถุแต่งสีที่เป็นอินทรีย์สังเคราะห์เป็นหลักตามที่ระบุไว้ในหมายเหตุ 3ของตอนนี้ผลิตภัณฑ์อินทรีย์สังเคราะห์ชนิดที่ใช้เป็นตัวให้ความขาวสว่างชนิดฟลูออเรสเซนต์หรือใช้เป็นลูมิโนฟอร์จะนิยามไว้ในทางเคมีหรือไม่ก็ตาม วัตถุแต่งสีอินทรีย์สังเคราะห์และสิ่งปรุงแต่งที่มีวัตถุดังกล่าวเป็นหลักตามที่ระบุไว้ในหมายเหตุ 3ของตอนนี้ประเภทย่อย 3204.20 ผลิตภัณฑ์อินทรีย์สังเคราะห์ชนิดที่ใช้เป็นตัวให้ความขาวสว่างชนิดฟลูออเรสเซนต์ มีอัตราอากรร้อยละ 30 ต่อมามีประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก.1/2531 เรื่องการลดอัตราอากรศุลกากรและการกำหนดให้ของได้รับการยกเว้นอากรข้อ 1.ให้ลดอัตราอากรสำหรับของในภาค 2 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ดังต่อไปนี้ ข้อ 1.1 ของซึ่งกำหนดให้ได้รับการลดอัตราอากรตามบัญชีท้ายประกาศนี้ ซึ่งตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการคลังที่ ศก.1/2531 ระบุให้ของในประเภทที่ 32.04 รายการ เฉพาะวัตถุแต่งสีที่เป็นอินทรีย์สังเคราะห์จะนิยามไว้ในทางเคมีหรือไม่ก็ตาม สิ่งปรุงแต่งที่มีวัตถุอินทรีย์สังเคราะห์เป็นหลักตามที่ระบุไว้ในหมายเหตุ 3 ของตอนนี้ผลิตภัณฑ์อินทรีย์สังเคราะห์ชนิดที่ใช้เป็นตัวให้ความขาวสว่างชนิดฟลูออเรสเซนต์หรือใช้เป็นลูมิโนฟอร์ จะนิยามไว้ในทางเคมีหรือไม่ก็ตาม เว้นแต่สีเม็ดพลาสติก สีแวต สีไดเร็ก และสีรีแอกทีฟอัตราอากรปกติร้อยละ 30 ลดลงเหลือร้อยละ 15 แต่หลังจากนั้นมีประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก.15/2531 เรื่องยกเลิกการลดและลดอัตราอากรศุลกากรและการกำหนดให้ของได้รับการยกเว้นอากรข้อ 1.2 ให้ยกเลิกการลดอัตราอากรขาเข้าสำหรับของตามประเภทที่ 32.04 ตามประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก.1/2531และข้อ 2. ให้เพิ่มรายการตามบัญชีท้ายประกาศนี้ไว้ในบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก.1/2531 ลงวันที่ 1 มกราคมพ.ศ. 2531 ภาค 2 พิกัดอัตราอากรขาเข้าตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก.15/2531 ภาค 2 พิกัดอัตราอากรขาเข้า ประเภทที่ 32.04 รายการ เฉพาะสิ่งปรุงแต่งที่มีวัตถุแต่งสีอินทรีย์สังเคราะห์เป็นหลักตามที่ระบุไว้ในหมายเหตุ 3ของตอนนี้ ผลิตภัณฑ์อินทรีย์สังเคราะห์ชนิดที่ใช้เป็นลูมิโนฟอร์และวัตถุแต่งสีที่เป็นอินทรีย์สังเคราะห์ จะนิยามไว้ในทางเคมีหรือไม่ก็ตาม เว้นแต่สีเม็ดพลาสติก สีแวต สีไดเร็กสีรีแอกทีฟ สีดีสเฟอร์ส สีแอซิด สีเบสิก และสีซัลเฟอร์อัตราอากรปกติร้อยละ 30 ลดลงเหลือร้อยละ 15 ศาลฎีกาเห็นว่าการที่ประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก.15/2531 ยกเลิกการลดอัตราอากรขาเข้าสำหรับของประเภทที่ 32.04 และให้เพิ่มรายการตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการคลังที่ศก.15/2531 ไว้ในบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก.1/2531 แสดงว่าให้ยกเลิกการลดอัตราอากรขาเข้าสำหรับของประเภทที่ 32.04 ตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก.1/2531 ดังนี้ เมื่อรายการที่เพิ่มตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก.15/2531ประเภทที่ 32.04 ไม่มีรายการ “ผลิตภัณฑ์อินทรีย์สังเคราะห์ชนิดที่ใช้เป็นตัวให้ความขาวสว่างชนิดฟลูออเรสเซนต์” อยู่ด้วยผลิตภัณฑ์อินทรีย์สังเคราะห์ชนิดที่ใช้เป็นตัวให้ความขาวสว่างชนิดฟลูออเรสเซนต์ จึงไม่ได้รับการลดอัตราอากรขาเข้าอีกต่อไปที่จำเลยอุทธรณ์ว่า ผลิตภัณฑ์อินทรีย์สังเคราะห์ชนิดที่ใช้เป็นตัวให้ความขาวสว่างชนิดฟลูออเรสเซนต์เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ประเภทลูมิโนฟอร์ก็ดี ประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก.15/2531มีเจนนาลดหย่อนอัตราอากรให้แก่วัตถุที่เป็นอินทรีย์สังเคราะห์ที่นำมาใช้แต่งสีทุกชนิด ดังนี้ สินค้าที่จำเลยนำเข้าจึงได้รับการลดอัตราอากรเหลือร้อยละ 15 ก็ดี เห็นว่า ตามภาค 2พิกัดอัตราอากรขาเข้า แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากรพ.ศ. 2530 ของประเภทที่ 32.04 ได้แยกชนิดของวัตถุหรือผลิตภัณฑ์ในประเภทนี้ออกเป็นหลายชนิด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อินทรีย์สังเคราะห์ชนิดที่ใช้เป็นตัวให้ความขาวสว่างชนิดฟลูออกเรสเซนต์แยกเป็นประเภทย่อย 3204.20 และตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก.15/2531 ก็ตัดคำว่า “ผลิตภัณฑ์อินทรีย์สังเคราะห์ชนิดที่ใช้เป็นตัวให้ความขาวสว่างชนิดฟลูออเรสเซนต์”ออกไปจากเดิมที่เคยระบุไว้ในประกาศกระทรวงการคลังที่ ศก.1/2531 แสดงว่ากฎหมายมีเจตนาแยกผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเฉพาะดังกล่าวออกต่างหากและไม่ต้องการให้ได้รับการลดอัตราอากรอีกต่อไป ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษามานั้นจึงชอบแล้ว”
พิพากษายืน