แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาข้อเท็จจริงและผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาพิพากษาในศาลชั้นต้นไม่รับรองให้ฎีกาแล้ว จึงไม่รับฎีกาโจทก์ โจทก์เห็นว่า ฎีกาข้อ 2 ที่ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้และข้อ 3 ที่ว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังข้อเท็จจริงผิดไปจากพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนเป็นปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 48) โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยจึงมีคำสั่งไม่ประทับฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 43) โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 46)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษายกฟ้องโจทก์โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ยกคำร้อง