คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 932/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางเดิน คู่ความท้ากันว่าให้ศาลไปตรวจดูที่พิพาทถ้าเห็นว่าที่พิพาทมีลักษณะและสภาพเป็นทางเดินมาก่อนหรือไม่ ถ้าเป็นจำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่เป็นโจทก์ยอมแพ้
เมื่อศาลไปตรวจและบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาว่า”แนวทางเดินเท้าจากต้นมะลุมหมายอักษร ล. ในแผนที่กลางก็มาจบกับปลายทางเกวียนหมายอักษร ข.” เพียงเท่านี้ไม่ชัดเจนพอจะเข้าใจได้ว่ามีลักษณะและสภาพเป็นทางคนเดินมาแต่ก่อนตรงกับที่คู่ความท้ากันไว้หรือไม่ ฉะนั้นการที่ศาลยกเอาเหตุอื่นๆ(นอกจากเหตุที่ท้ากันไว้)มาวินิจฉัยประกอบ(บันทึกที่ไม่ชัดนั้น)เพื่อให้เห็นว่าคนซึ่งอยู่ในที่ดินของโจทก์ย่อมต้องใช้ทางนี้เป็นทางเข้าออกมาแต่เดิมด้วยแล้วบังคับให้จำเลยเปิดทางคนเดินนั้น เป็นเรื่องนอกคำท้าของคู่ความ เป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีที่ดินแปลงหนึ่ง โจทก์ได้ใช้เดินทางเข้าออกในที่บ้านของจำเลยซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ทางด้านตะวันตกมาประมาณ 16 ปีแล้ว โดยไม่มีทางใดที่จะออกได้ จำเลยได้ปิดทางเดินนี้เสีย ขอให้จำเลยเปิดทางให้โจทก์ใช้เป็นทางเดินต่อไป

จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ปิดทางเดินในที่ดินของจำเลยดังโจทก์ฟ้อง ทางเดินเข้าออกเวลานั้นมี 2 ทาง ซึ่งโจทก์เคยเดินเข้าออกได้สะดวก โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะขอเปิดทางเดินขึ้นในที่ดินของจำเลยได้

เมื่อเจ้าพนักงานทำแผนที่กลางครั้งที่สองแล้ว ก่อนสืบพยานคู่ความขอให้ศาลไปตรวจดูที่พิพาท ตามเส้นทางเกวียน ก.ข. และทางคนเดินจาก ข. ไปยังต้นมะรุมตามแผนที่กลางซึ่งเจ้าพนักงานทำครั้งที่สองว่าจะมีลักษณะและสภาพเป็นทางเดินมาก่อนหรือไม่ ถ้าเป็นทางมาก่อนจำเลยจะยอมเปิดทางให้ ถ้าไม่ใช่โจทก์ยอมแพ้ไป

ศาลชั้นต้นได้ไปตรวจที่พิพาทแล้ว พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ที่ขอให้จำเลยเปิดทางเกวียนหมาย ก.ข. ในแผนที่กลาง แต่ให้จำเลยเปิดทางคนเดินตามแนวต้นมะรุมหมายอักษร ล. ไปที่ปลายเส้นทางหมายอักษร ข.

จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์คัดค้านว่าเมื่อศาลจดรายงานการตรวจดูทางว่าสำหรับร่องรอยทางเดินและทางเกวียนตรงหมายอักษร ก. และหมายเลข 1 มายังหมายอักษร ข. และ ค. เฉพาะร่องรอยต่างลบเลือนไม่ปรากฏชัดทั้งสองแห่งก็ต้องยกฟ้องโจทก์ไปทั้งหมดตามคำท้าของคู่ความ

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นตรวจดูทางตามที่คู่ความท้าแพ้ชนะกันแล้วจดรายงานพิจารณาสำหรับร่องรอยของทางไว้ดังนี้”สำหรับร่องรอยทางเดินและทางเกวียนตรงหมายอักษร ก. และหมายเลข 1มายังหมายอักษร ข. และ ค. นั้นเฉพาะร่องรอยต่างลบเลือนไม่ปรากฏชัดทั้งสองแห่ง” ซึ่งหาได้ตรงกับที่คู่ความท้ากันไว้ไม่ คือให้ดูร่องรอยของทางเดินจากหมาย ข. ไปยังต้นมะรุมหมาย ล. ว่ามีลักษณะและสภาพเป็นทางเดินมาก่อนหรือไม่นั้น มิได้มีปรากฏในรายงานการตรวจที่นั้นเลย และที่ศาลชั้นต้นเอาเหตุอื่นนอกไปจากคำท้าของคู่ความมาเป็นเหตุพิพากษาให้จำเลยเปิดทางคนเดินตามแนวต้นมะรุมหมายอักษร ล. ไปที่ปลายเส้นทางหมายอักษร ข. ก็ไม่เห็นพ้องด้วยพิพากษายก คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะให้จำเลยเปิดทางเดินดังกล่าวนี้เสีย ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไปตามที่คู่ความตั้งประเด็นท้ากันไว้หรือถ้าไม่อาจจะทำได้โดยสภาพของสถานที่เปลี่ยนแปลงไป และไม่ตกลงกันได้ก็ให้ดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลย แล้วพิพากษาใหม่สำหรับทางคนเดินรายนี้ต่อไป

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าข้อที่จะต้องวินิจฉัย ในชั้นนี้มีเฉพาะทางคนเดินจากหมายอักษร ข. ไปยังต้นมะรุมหมายอักษร ล. ในแผนที่กลางเท่านั้น ส่วนทางเกวียนตั้งแต่หมายอักษร ก. ถึง ข. เป็นอันยุติเพียงศาลชั้นต้นแล้ว

เห็นว่าศาลชั้นต้นไปตรวจดูที่พิพาทแล้วได้จดรายงานกระบวนพิจารณาเฉพาะทางคนเดินซึ่งพิพาทกันในชั้นนี้ไว้ว่า “แนวทางเดินเท้าจากต้นมะรุมหมายอักษร ล. ในแผนที่กลางก็มาจบกับปลายทางเกวียนหมายอักษร ข.” บันทึกไว้เพียงเท่านี้ยังไม่ชัดเจนพอที่จะเข้าใจได้ว่ามีลักษณะและสภาพเป็นทางคนเดินมาแต่ก่อนตรงกับที่คู่ความท้ากันไว้หรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นยกเอาเหตุผลอื่น ๆ มาวินิจฉัยประกอบเพื่อให้เห็นว่าคนซึ่งอยู่ในที่ดินของโจทก์ย่อมต้องใช้ทางนี้เป็นทางเข้าออกมาแต่เดิมด้วย แล้วบังคับให้จำเลยเปิดทางคนเดินนั้นเป็นเรื่องนอกคำท้าของคู่ความ เป็นการไม่ชอบ

พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share